diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_1_95ab0241-4b0e-4f93-9b02-62fab1ccc0fd.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_1_95ab0241-4b0e-4f93-9b02-62fab1ccc0fd.txt" new file mode 100644 index 000000000..7a2e7f18e --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_1_95ab0241-4b0e-4f93-9b02-62fab1ccc0fd.txt" @@ -0,0 +1,18 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​พม. เชิญชวนประชาชนและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในสังคม ร่วมกันรณรงค์การปกป้องดูแลเด็กและเยาวชน อันเป็นอนาคตในการพัฒนาประเทศ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์และเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +​พม. เชิญชวนประชาชนและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในสังคม ร่วมกันรณรงค์การปกป้องดูแลเด็กและเยาวชน อันเป็นอนาคตในการพัฒนาประเทศ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์และเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ +​พม. เชิญชวนประชาชนและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในสังคม ร่วมกันรณรงค์การปกป้องดูแลเด็กและเยาวชน อันเป็นอนาคตในการพัฒนาประเทศ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์และเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ +วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์การสหประชาชาติ (United Nations) ประกาศให้วันที่ 30 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันต่อต้านการค้ามนุษย์สากล (World Day Against Trafficking in Persons) เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงสถานการณ์การค้ามนุษย์ ส่งเสริมคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และเป็นการสร้างจิตสำนึกให้แก่ประชาชน ในการต่อต้านการค้ามนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ภายใต้การนำของ รมว.พม. วราวุธ ศิลปอาชา ได้ผลักดันแคมเปญรณรงค์การต่อต้านการค้ารค้ามนุษย์ โดยปีนี้ ได้กำหนดหัวข้อไว้ว่า "เราจะไม่ทอดทิ้งเด็กให้ต่อสู้กับการค้ามนุษย์เพียงลำพัง (Leave No Child Behind in the Fight Against Human Trafficking)" ซึ่งมีทิศทางที่สอดคล้องกับทิศทางขององค์การสหประชาชาติ +รมว.พม. กล่าวว่า แม้ว่าวันต่อต้านการค้ามนุษย์สากล ผ่านพ้นไปแล้ว แต่การปกป้องดูแลเด็กและเยาวชน อันเป็นอนาคตในการพัฒนาประเทศ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์และเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ ยังคงต้องเดินหน้ากระทรวง พม. ให้ความสำคัญและตระหนักถึงปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกิด ทำให้ประเทศไทย และที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วโลก หนึ่งในเป้าหมายของขบบวนการค้ามนุษย์ คือ กลุ่มเด็กและเยาวชน ที่มักจะถูกแสวงประโยชน์ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ เนื่องด้วยนักค้ามนุษย์อาศัยความเปราะบางของเด็กที่อาจรู้ไม่เท่าทันเป็นเครื่องมือในการแสวงประโยชน์ เนื่องในวันต่อต้านการค้ามนุษย์สากล 30 กรกฎาคม 2567 กระทรวง พม. จึงอยากชวนให้สังคมไทยหันมาเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมรณรงค์ และร่วมกันต่อต้านกระบวนการค้ามนุษย์  โดยกระทรวง พม. ได้เดินหน้าสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยการค้ามนุษย์แก่เด็กและเยาวชน เพื่อให้คนไทยทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย สามารถป้องกันตนเองและครอบครัวจากการค้ามนุษย์ ด้วยการ +1) การสร้างเครือข่ายเด็กและเยาวชนในการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการค้ามนุษย์ +2) พัฒนาสื่อเพื่อสร้างวิทยากรเด็กและเยาวชนในการป้องกันการค้ามนุษย์ระดับพื้นที่ +3) คุ้มครองเด็กที่ตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ให้ได้รับการช่วยเหลือคุ้มครองตามกฎหมายและหลักการสากล +4) สร้างภูมิคุ้มกันการค้ามนุษย์แก่เด็กที่ตกเป็นผู้เสียหาย เพื่อป้องกันการตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ซ้ำ +ขอเชิญชวน ประชาชนและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในสังคม ร่วมกันรณรงค์และปกป้องดูแลเด็กและเยาวชน อันเป็นอนาคตในการพัฒนาประเทศ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์และเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ +ทั้งนี้ หากพบเห็นสถานการณ์การค้ามนุษย์ สามารถแจ้งเหตุมาที่ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ศรส. กระทรวง พม. ผ่านฮอตไลน์ 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งเหตุบนมือถือ ผ่าน Mobile Application "Protect-U" ตลอด 24 ชั่วโมง ได้เช่นเดียวกัน + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86492 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_2_9ad3c51e-664c-4bb4-81ac-954f2ce35a6f.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_2_9ad3c51e-664c-4bb4-81ac-954f2ce35a6f.txt" new file mode 100644 index 000000000..358768209 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_2_9ad3c51e-664c-4bb4-81ac-954f2ce35a6f.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​"รัดเกล้า" เผย ไทยและออสเตรเลียร่วมกันจัดทำ 8 รายละเอียดสาขาความร่วมมือ และวาระการดําเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-ออสเตรเลีย (เซก้า) + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +​"รัดเกล้า" เผย ไทยและออสเตรเลียร่วมกันจัดทำ 8 รายละเอียดสาขาความร่วมมือ และวาระการดําเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-ออสเตรเลีย (เซก้า) +​"รัดเกล้า" เผย ไทยและออสเตรเลียร่วมกันจัดทำ 8 รายละเอียดสาขาความร่วมมือ และวาระการดําเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-ออสเตรเลีย (เซก้า) +วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยกับออสเตรเลียลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับออสเตรเลีย (MoU between Government of Thailand and the Government of Australia on the Strategic Economic Cooperation Arrangement: SECA) เพื่อกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยภายใต้ SECA กําหนดให้ทั้งสองประเทศร่วมกันจัดทํารายละเอียดของสาขาความร่วมมือที่จะพัฒนาร่วมกัน +รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยและออสเตรเลียดำเนินการจัดทำเอกสารรายละเอียดความร่วมมือ และวาระการดำเนินงาน ซึ่งฝ่ายไทย ครม. (30 กรกฎาคม 2567) ได้มีมติเห็นชอบรายละเอียดความร่วมมือ: เพื่อนําไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ และวาระการดําเนินงาน ภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-ออสเตรเลีย (เซก้า) แล้ว โดยรายละเอียดความร่วมมือฯ เป็นเอกสารที่ระบุสาขาความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันที่จะมีการหารือ พัฒนา/แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกันในสาขาต่าง ๆ 8 สาขา (1) เกษตร (2) การท่องเที่ยว (3) บริการสุขภาพ (4) การศึกษา (5) การค้าดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล (6) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (7) การส่งเสริมการลงทุน และ (8) พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน +ส่วนวาระการดําเนินงานฯ เป็นเอกสารที่ระบุกิจกรรมความร่วมมือตามสาขาที่ได้มีการระบุไว้ในรายละเอียดความร่วมมือฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่าย เช่น สาขาเกษตร มีการกําหนดกิจกรรมในการแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับระบบอาหารการเกษตรยั่งยืน ส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะและแลกเปลี่ยนเงื่อนไขด้านการนําเข้า โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายไทย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เป็นต้น และสาขาการลงทุนระหว่างกัน มีการกําหนดกิจกรรมในการสร้างเครือข่ายภาคธุรกิจด้านการลงทุน แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการยอมรับทักษะแรงงานระหว่างกัน โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายไทย เช่น สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สํานักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เป็นต้น + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86493 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_3_7fa13efb-c457-48fa-852f-95a532532540.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_3_7fa13efb-c457-48fa-852f-95a532532540.txt" new file mode 100644 index 000000000..4588602bc --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_3_7fa13efb-c457-48fa-852f-95a532532540.txt" @@ -0,0 +1,37 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ครม. มีมติอนุมัติ/เห็นชอบในเรื่องแต่งตั้งข้าราชการการประจำ 6 ราย และคณะกรรมการ 1 คณะ วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +ครม. มีมติอนุมัติ/เห็นชอบในเรื่องแต่งตั้งข้าราชการการประจำ 6 ราย และคณะกรรมการ 1 คณะ วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 +ครม. มีมติอนุมัติ/เห็นชอบในเรื่องแต่งตั้งข้าราชการการประจำ 6 ราย และคณะกรรมการ 1 คณะ วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 +วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบ/อนุมัติการแต่งตั้ง ดังนี้ +(1) ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงคมนาคม) +ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2 ราย ดังนี้ +1. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี (นักบริหารระดับสูง) กรมการขนส่งทางบก ต่อไปอีก 1 ปี (ครั้งที่ 2) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 +2. นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ต่อไปอีก 1 ปี (ครั้งที่ 1) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 +(2) การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงคมนาคม) +ครม. มติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอย้ายข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงให้ดำรงตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจากผู้ครองตำแหน่งเดิมเกษียณอายุราชการสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และทดแทนตำแหน่งที่ว่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในหนังสือ สำนักงาน ก.พ. ที่ นร 0708/ว 9 ลงวันที่  12 พฤษภาคม 2535 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 จำนวน 3 ราย ดังนี้ +1. นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดี (นักบริหารระดับสูง) กรมทางหลวงชนบท ไปดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารระดับสูง) กรมทางหลวง ทดแทนตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ +2. นายมนตรี เดชาสกุลสม รองปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง  ไปดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารระดับสูง) กรมทางหลวงชนบท ทดแทนตำแหน่งที่จะว่างในข้อ 1. +3. นางสาวรัชนีพร ธิติทรัพย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง +ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง +(3) การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงคมนาคม) +ครม. มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับต้นขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตามแนวทางที่กำหนดไว้ในหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 0708.1/ว 22 ลงวันที่ 30 กันยายน 2540 และ ที่ นร 1003/ว 22 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2553 เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 2 ราย ดังนี้ +1. นายผดุงศักดิ์ สรุจิกำจรวัฒนะ รองอธิบดี (นักบริหารระดับต้น) กรมทางหลวงชนบท ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง +2. นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ รองอธิบดี (นักบริหารระดับต้น) กรมทางหลวง ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง +ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง +(4) การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) +ครม. มีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้ +1. นายพงษ์ศักดิ์ เมธาพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมสรรพากร ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 +2. นางสาวภิญญู กำเนิดหล่ม ผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (วิชาการคอมพิวเตอร์) สูง] กองเทคโนโลยีสารสนเทศ กรมสรรพากร ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2567 +ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป +(5) การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ  (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) +ครม. มีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอแต่งตั้ง นางสาวบุษยา ใจสว่าง รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาวิชาการพัฒนาสังคม (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป +(6) การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ  (สำนักนายกรัฐมนตรี) +ครม. มีมติอนุมัติตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอแต่งตั้ง นายชัยธร สุวรรณอำภา ผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง) สำนัก 5 สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป +(7) การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร +ครม. มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางทิพาภรณ์ ศรีพลลา (ผู้แทนสหกรณ์การเกษตรผู้ถือหุ้น) เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทน นายสุนทร ตาละลักษณ์ กรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากลาออก เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86494 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_4_a876c226-2f87-4984-8e5a-6d1567711574.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_4_a876c226-2f87-4984-8e5a-6d1567711574.txt" new file mode 100644 index 000000000..1f6e65d3a --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_4_a876c226-2f87-4984-8e5a-6d1567711574.txt" @@ -0,0 +1,15 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ประกาศขึ้นทะเบียน GI “กระท้อนทองใบใหญ่“ + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +​โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ประกาศขึ้นทะเบียน GI “กระท้อนทองใบใหญ่“ +​โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ประกาศขึ้นทะเบียน GI “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” กระท้อนรางวัลชนะเลิศจากอ่างทอง +วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่นยกระดับมูลค่าสินค้าเกษตรไทย ด้วยการใช้เครื่องมือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI เพิ่มการรับรองคุณภาพสินค้าชุมชน บ่งบอกถึงแหล่งที่มา คุณภาพ คุณลักษณะเฉพาะของสินค้า และ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 เป็นโอกาสในการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการประกาศขึ้นทะเบียนGI “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” ซึ่งเป็นกระท้อนทรงปลูก ดำรงไว้ซึ่งพันธุ์ผลไม้ท้องถิ่นไทยที่มีเอกลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่น เพื่อสร้างอาชีพ สร้างมูลค่าให้กับสินค้า ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย พร้อมผลักดัน Soft Power ตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล +โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การผลักดัน Soft Power ตามนโยบายของรัฐบาล ผ่านการขับเคลื่อนการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication : GI) สำหรับสินค้าจำพวก สินค้าเกษตร สินค้าหัตถกรรม และ สินค้าอุตสาหกรรม (เกษตรแปรรูป) เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชน คุ้มครองเอกลักษณ์ของสินค้าในพื้นที่แหล่งผลิตสินค้าในแต่ละท้องถิ่น โดยปัจจุบันมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI ทั่วประเทศแล้ว 206 สินค้า สร้างมูลค่าการค้ากว่า 71,000 ล้านบาทต่อปี +ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ดำเนินการขึ้นทะเบียน “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” โดยเป็นกระท้อนที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปลูก ต้นกระท้อนพันธุ์ “ทองใบใหญ่” ณ วัดยางทอง ตำบลบางเจ้าฉ่า อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 และได้พระราชทานพันธุ์กระท้อนให้แก่ราษฎรจังหวัดอ่างทอง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรในชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น +โดยกระท้อนพันธุ์ทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่าได้รับรางวัลชนะเลิศด้านรสชาติอันดับ 1 ของจังหวัดอ่างทอง และมีงานมหกรรมกระท้อนทองใบใหญ่ทรงปลูก เพื่อเผยแพร่ผลผลิตกระท้อนให้เป็นที่นิยมของตลาด สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในชุมชนกว่า 6 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ สำหรับเกษตรกรหรือชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดที่สนใจนำสินค้าชุมชนในประเภท สินค้าเกษตร สินค้าหัตถกรรม และ สินค้าอุตสาหกรรม (เกษตรแปรรูป) ที่มีอัตลักษณ์และเชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ สามารถปรึกษาเพื่อขอรับการขึ้นทะเบียน GI ได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร.1368 +“รัฐบาลร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ กระท้อนทรงปลูกพันธุ์ “ทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” เชื่อมั่นว่าการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จะมีส่วนสนับสนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์จากภาคการเกษตรไทย ยกระดับผลผลิตการเกษตรท้องถิ่น สะท้อนวิถีชีวิตชาวไทยผ่านการเพาะปลูก เพิ่มคุณภาพ รักษามาตรฐานด้วยการสนับสนุนของรัฐบาล เพื่อความยั่งยืนของชุมชน ต่อยอดให้เกษตรกรไทยมีความมั่นคงในการดำรงชีวิต” นายชัย กล่าว + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86495 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_5_c1799a85-1d6a-4f1d-b03d-31db2c0167f0.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_5_c1799a85-1d6a-4f1d-b03d-31db2c0167f0.txt" new file mode 100644 index 000000000..a8cd9b4fb --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_5_c1799a85-1d6a-4f1d-b03d-31db2c0167f0.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​“คารม” เผยข่าวดี กรมการจัดหางาน รับสมัครผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ปี 2567 ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 1 – 31 ส.ค. 67 ยื่นใบสมัครทางออนไลน์ ฟรี ! + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +​“คารม” เผยข่าวดี กรมการจัดหางาน รับสมัครผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ปี 2567 ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 1 – 31 ส.ค. 67 ยื่นใบสมัครทางออนไลน์ ฟรี ! +​“คารม” เผยข่าวดี กรมการจัดหางาน รับสมัครผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ปี 2567 ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 1 – 31 ส.ค. 67 ยื่นใบสมัครทางออนไลน์ ฟรี ! +วันนี้ (31 กรกฎาคม 2567) นายคารม พรพลกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน ประกาศรับสมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ปี 2567 ครั้งที่ 6 (เพศชาย)  ในตำแหน่งผู้ฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิค ประเภทงานอุตสาหกรรมการผลิตและงานก่อสร้าง อาทิ งานหล่อแบบ กลึง / ขึ้นรูป / ชุบ / เชื่อมโลหะ ประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ บำรุงรักษาเครื่องจักร บำรุงรักษารถยนต์ แปรรูปอาหาร ก่อสร้างแบบหล่อ ก่อสร้างโครงเหล็ก เดินท่อ เป็นต้น โดยเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2567 ไม่เว้นวันหยุดราชการ ฟรีค่าตั๋วเครื่องบินไป - กลับ เมื่อฝึกปฏิบัติงานครบ 3 ปี โดยผู้ผ่านการคัดเลือก เดือนแรกจะได้รับเบี้ยเลี้ยง 80,000 เยน หรือประมาณ 18,420 บาท ฟรี ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ เดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 36 จะได้ค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายญี่ปุ่นกำหนด เมื่อสำเร็จการฝึกปฏิบัติครบ 3 ปี จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการฝึกงานทางเทคนิค และเงินสนับสนุนการประกอบอาชีพจำนวน 600,000 เยน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ toea.doe.go.th ลงทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์ การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนคนหางาน และดำเนินการสมัครไปทำงาน โดยเลือกหัวข้อ "สมัครไปทำงานโดยรัฐจัดส่ง สมัครไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น" +สำหรับ คุณสมบัติเบื้องต้นเป็นเพศชาย อายุ 18 - 30 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือปริญญาตรีไม่จำกัดสาขาวิชา สูงไม่ต่ำกว่า 160 เซนติเมตร สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ พ้นภาระทางทหาร ไม่มีรอยสักบนร่างกาย ไม่มีประวัติอาชญากรรม ไม่เคยทำงานหรือเข้าเมืองหรือพำนักโดยผิดกฎหมายหรือต้องห้ามเข้าญี่ปุ่น เป็นต้น สำหรับการสอบคัดเลือกจะใช้วิธีการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย และประเมินภาษาญี่ปุ่น  ณ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร   โดยจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบ ภายในวันที่ 6 กันยายน 2567  ทางเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas และ facebook: IMthailand +“ผู้สนใจสามารถศึกษาวิธีการลงทะเบียน คุณสมบัติผู้สมัครและเอกสารที่เกี่ยวข้องที่เว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ toea.doe.go.th รายการ “ข่าวประกาศรับสมัคร” หัวข้อ “ประกาศคณะอนุกรรมการจัดส่งผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น เรื่อง การรับสมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น โดยผ่านองค์กร IM Japan ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 6 (เพศชาย) ณ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน โทร. 0 2245 9428 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน” น + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86497 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_6_d222345e-3f84-40a9-8166-f777b707d209.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_6_d222345e-3f84-40a9-8166-f777b707d209.txt" new file mode 100644 index 000000000..e001c5c76 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_6_d222345e-3f84-40a9-8166-f777b707d209.txt" @@ -0,0 +1,15 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​นายกฯ ยินดีไทยได้รับยกย่องเป็น “Champion ด้านการอนุรักษ์เสือโคร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ปี 2567 พบจำนวนเสือโคร่งในป่าไทยกว่า 200 ตัว ยกไทยเป็นโมเดลประเทศถิ่นอาศัยเสือโคร่ง + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +​นายกฯ ยินดีไทยได้รับยกย่องเป็น “Champion ด้านการอนุรักษ์เสือโคร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ปี 2567 พบจำนวนเสือโคร่งในป่าไทยกว่า 200 ตัว ยกไทยเป็นโมเดลประเทศถิ่นอาศัยเสือโคร่ง +ประเทศอื่น ๆ พร้อมตั้งเป้ายกระดับไทยเป็นผู้นำอนุรักษ์เสือโคร่งในระดับภูมิภาค ภายในปี 2577 +31 กรกฎาคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่งเสริมการอนุรักษ์และการเพิ่มจำนวนประชากรเสือโคร่งไทย ในฐานะที่ไทยเป็น 1 ใน 13 ประเทศที่มีถิ่นอาศัยของเสือโคร่งในป่าธรรมชาติ และด้วยเสือโคร่งเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ซึ่งรัฐบาล โดย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย มุ่งขับเคลื่อนนโยบายการดำเนินงานเพื่อฟื้นฟูจำนวนประชากรเสือโคร่งตามแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2565-2577) มาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนเป็นผลสำเร็จให้ปี 2567 นี้ ไทยได้รับการยกย่องเป็น Champion ด้านการอนุรักษ์เสือโคร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมตั้งเป้าหมายผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำในการอนุรักษ์เสือโคร่งในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี พ.ศ. 2577 +โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เปิดเผยผลการประชุมใน“วันอนุรักษ์เสือโคร่งโลก” (29 กรกฎาคม 2567) ถึงการประชุมการเงินที่ยั่งยืนเพื่อการอนุรักษ์ภูมิทัศน์เสือโคร่ง (Sustainable Finance for Tiger Landscapes Conference: SFTLC) ณ เมืองพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน รายงานถึงความสำเร็จของไทยในการเพิ่มประชากรเสือโคร่งในธรรมชาติ ควบคู่กับการเพิ่มศักยภาพถิ่นที่อยู่อาศัยของเสือโคร่ง โดยรัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรเพื่อการอนุรักษ์มาอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับบูรณาการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและองค์กรพันธมิตรระหว่างประเทศ ส่งผลให้ในปี 2567 ไทยมีประชากรเสือโคร่งตัวเต็มวัยอยู่ประมาณ 179 – 223 ตัว เพิ่มขึ้นจากในปี 2565 ที่สำรวจพบ 148 – 149 ตัว เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในกลุ่มป่าตะวันตก ซึ่งผู้ร่วมการประชุมชื่นชมประเทศไทยและยกย่องให้เป็น “แชมป์เปี้ยนของการอนุรักษ์เสือโคร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” พร้อมเห็นว่าสามารถนำไทยมาเป็นโมเดลตัวอย่างสำหรับการดำเนินงานของประเทศถิ่นอาศัยเสือโคร่งประเทศอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี +นอกจากนี้ รัฐบาลตั้งเป้าผลักดันไทยเป็นผู้นำในการอนุรักษ์เสือโคร่งในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี พ.ศ. 2577 สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ภายใต้แผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2565-2577) กำหนดเป้าหมายหลัก 3 ประการ ได้แก่ 1) รักษาและยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองพื้นที่ในกลุ่มป่าตะวันตก 2) เสริมสร้างความเข้มแข็งในการจัดการพื้นที่ คุ้มครองป้องกันพื้นที่และเพิ่มศักยภาพของระบบการติดตามตรวจวัดประชากรในกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และ 3) เพิ่มประชากรเสือโคร่งในธรรมชาติในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน กลุ่มป่าภูเขียว-น้ำหนาว และกลุ่มป่าคลองแสง-เขาสก +ทั้งนี้ เสือโคร่ง (Royal Tiger) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่กินเนื้อเป็นอาหาร รักสันโดษ มักออกล่าเหยื่อตอนกลางคืน และถือเป็นผู้ควบคุมจำนวนประชากรสัตว์กินพืชในผืนป่าไม่ให้มีจำนวนมาก ซึ่งสามารถเป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าได้เป็นอย่างดี โดยในปี พ.ศ. 2553 มีการประชุมด้านการอนุรักษ์เสือโคร่ง (Tiger Summit) ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย และได้กำหนดให้วันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกปี เป็น “วันอนุรักษ์เสือโคร่งโลก” (Global Tiger Day) เพื่อให้ทั่วโลกคำนึงถึงการปกป้องที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของเสือโคร่ง การอนุรักษ์ประชากรเสือโคร่งและสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชน +“จำนวนที่เพิ่มขึ้นของเสือโคร่งในไทย นับว่าเป็นสัญญาณดีต่อความสมบูรณ์ของระบบนิเวศของประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีชื่นชมการทำงานของทุกภาคส่วน ที่สะท้อนความสำเร็จและการยอมรับจากนานาประเทศ โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมสนับสนุนการบูรณาการทำงานกับทุกภาคส่วนเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชื่อมั่นว่า ไทยจะก้าวสู่ความสำเร็จตามแผนฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเป็นผู้นำและเป็นต้นแบบในการอนุรักษ์เสือโคร่งในระดับภูมิภาคได้อย่างแข็งแกร่ง” นายชัย กล่าว + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86523 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_7_32e3dbd4-c5c7-42af-b427-ba9e7617cc63.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_7_32e3dbd4-c5c7-42af-b427-ba9e7617cc63.txt" new file mode 100644 index 000000000..027ac02aa --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201_7_32e3dbd4-c5c7-42af-b427-ba9e7617cc63.txt" @@ -0,0 +1,19 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​รัฐบาลย้ำ 1 สิงหาคม 2567 นี้ คิกออฟลงทะเบียน “โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet” สำหรับผู้ที่มีสมาร์ตโฟน + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +​รัฐบาลย้ำ 1 สิงหาคม 2567 นี้ คิกออฟลงทะเบียน “โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet” สำหรับผู้ที่มีสมาร์ตโฟน +ขณะที่ผู้ที่ไม่มีสมาร์ตโฟน จะเปิดให้ลงทะเบียนในรอบถัดไป ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน - 15 ตุลาคม 2567 +พร้อมอำนวยความสะดวกประชาชน เปิดจุด Walk-in ช่วยลงทะเบียน และสอบถามข้อมูล จำนวน 4 แห่งหลัก “ศูนย์ดิจิทัลชุมชน-ที่ทำการไปรษณีย์-ธ.ออมสิน-ธ.ก.ส.” รวมกว่า 5,000 จุดทั่วประเทศ เริ่ม 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 2567 นี้ +วันนี้ (31 สิงหาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 1 สิงหาคม 2567 นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป (หลังจากนั้นลงทะเบียนได้ 24 ชม.) จะเป็นวันแรกของการเปิดระบบลงทะเบียนและยืนยันตัวตนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เน้นย้ำการลงทะเบียนของผู้ที่มีสมาร์ตโฟน สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแพลตฟอร์มของระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนทั้ง ไอโอเอส (iOS) และ แอนดรอยด์ (Android) +โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนลงทะเบียนโครงการฯ สำหรับผู้ที่มีสมาร์ตโฟน ตั้งจุดให้บริการ (Walk-in) ช่วยลงทะเบียน และสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ใน 4 สถานที่หลักทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมจำนวน 5,199 จุด ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 นี้ +โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 รัฐบาล พร้อมด้วยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้บริการประชาชนผู้มีสมาร์ตโฟน แต่ต้องการความช่วยเหลือในการลงทะเบียน ตามระยะเวลาทำการใน 4 สถานที่หลักทั่วประเทศ ได้แก่ +1) ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ +2) ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ) +3) ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ +4) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่ง +ขณะที่กลุ่มของผู้ที่ไม่มีสมาร์ตโฟนนั้น จะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน - 15 ตุลาคม 2567 ณ สถานที่ที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งจะมีการแจ้งระบุสถานที่อย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยจะต้องใช้บัตรประชาชนในการใช้จ่าย และต้องตรวจสอบคุณสมบัติสถานะบุคคลตามทะเบียนบ้าน +ทั้งนี้ ในหัวค่ำวันนี้ (31 กรกฎาคม 2567) ระบบจะหยุดทำงานราว 2-3 ชั่วโมง เพื่อรีเซตระบบอีกครั้ง เตรียมความพร้อมสำหรับเปิดรับการลงทะเบียนในวันที่ 1 สิงหาคม 2567 โดยสำหรับประชาชนที่สนใจศึกษาข้อมูล ข่าวสาร และรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย และศูนย์บริการข้อมูล โทรสายด่วน. Digital Wallet 1111 ซึ่งพร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง +“รัฐบาลเชื่อมั่นว่าโครงการฯ นี้จะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจที่สำคัญในการกระจายรายได้ เกิดการจับจ่ายใช้สอย สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศตั้งแต่ระดับฐานราก พร้อมทั้งช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชน สามารถพึ่งพาตนเองได้ เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมถึงเป็นรากฐานสำคัญด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต” นายชัย กล่าว + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86527 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265_1_383fcc27-fcf3-4f2b-b8a8-90b0df80b6e2.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265_1_383fcc27-fcf3-4f2b-b8a8-90b0df80b6e2.txt" new file mode 100644 index 000000000..0fd426200 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265_1_383fcc27-fcf3-4f2b-b8a8-90b0df80b6e2.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ บูรณาการความร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน สร้างความมั่นคงปลอดภัยจากปัญหายาเสพติดให้แก่พี่น้องคนไทย + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +นายกฯ บูรณาการความร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน สร้างความมั่นคงปลอดภัยจากปัญหายาเสพติดให้แก่พี่น้องคนไทย +โดยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ชื่นชมนายกฯ แก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาค +วันนี้ (31 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก (Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจําประเทศไทย พร้อมด้วยนางสาว Roshni Nirody ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือด้านยาเสพติดและการบังคับใช้กฎหมาย (Bureau for International Narcotics and Law Enforcement Affairs: INL) และนาย Mark Snyder ผู้ช่วยพิเศษประจำสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration: DEA) เข้าเยี่ยมคารวะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงความร่วมมือเพื่อต่อต้านยาเสพติด โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญภายหลังการหารือ ดังนี้ +นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการเร่งรัดปราบปรามยาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาลให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 90 วัน โดยเมื่อวานถือว่าครบ 60 วันของปฏิบัติการ สำหรับรัฐบาลไทย นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายให้สำนักงาน ป.ป.ส. ปฏิบัติการเร่งรัดการดำเนินงานป้องกันปราบปราม พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับหลายภาคส่วน และประสงค์แสวงหาความร่วมมือในการป้องกันปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนกับสหรัฐฯ เพิ่มเติม +เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาฯ ชื่นชมนายกรัฐมนตรีถึงบทบาทนำของไทยในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาค และยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของสหรัฐฯ และกระชับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติดกับรัฐบาล ทั้งการสนับสนุนด้านงบประมาณ เครื่องมือในการตรวจจับและป้องกัน รวมถึงการอบรมบุคลากรไทยด้วย +ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและสหรัฐฯ พร้อมร่วมมืออย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration: DEA) หวังว่าทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างใกล้ชิดร่วมกันต่อไป +ในโอกาสนี้ สหรัฐฯ ยืนยันสนับสนุนความร่วมมือกับไทย รวมทั้งอาจพิจารณาแสวงหาความร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงาน รวมถึงกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86517 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\201\340\270\216\340\270\253\340\270\241\340\270\262\340\270\242\340\270\257_1_31c6948b-b1ae-4a38-b9c6-634868528f5a.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\201\340\270\216\340\270\253\340\270\241\340\270\262\340\270\242\340\270\257_1_31c6948b-b1ae-4a38-b9c6-634868528f5a.txt" new file mode 100644 index 000000000..24c6761fa --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\201\340\270\216\340\270\253\340\270\241\340\270\262\340\270\242\340\270\257_1_31c6948b-b1ae-4a38-b9c6-634868528f5a.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เฉลิมฉลองครบรอบ ๙๗ ปี การสถาปนากองทัพปลดแอกประชาชนจีน + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เฉลิมฉลองครบรอบ ๙๗ ปี การสถาปนากองทัพปลดแอกประชาชนจีน +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เฉลิมฉลองครบรอบ ๙๗ ปี การสถาปนากองทัพปลดแอกประชาชนจีน +ในวันอังคารที่ ๓๐ กรกฏาคม ๒๕๖๗ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ เดินทางมาร่วมงานวันกองทัพจีน เพื่อร่วมฉลองครบรอบการก่อตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน จัดโดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย โดยมี พลเรือตรี หวัง เจิ้ง (Wang Zheng) ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้การต้อนรับ และกล่าวเปิดงาน +ทั้งนี้ การจัดงานดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและแลกเปลี่ยนในรูปแบบต่าง ๆ ระหว่างไทย-จีน ไม่ว่าสถานการณ์โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร มิตรภาพระหว่างประชาชนชาวจีนและชาวไทยจะยังคงอยู่อย่างยาวนาน ประเทศจีนและประเทศไทยมีความเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์ มีความผูกพันทางสายเลือด และมีความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรม ได้สืบทอดสืบสานต่อมิตรภาพอย่างแนบแน่นในประวัติศาสตร์อันยาวนาน + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86500 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_1_24bf1b6f-0978-466b-9aac-a7b46169f446.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_1_24bf1b6f-0978-466b-9aac-a7b46169f446.txt" new file mode 100644 index 000000000..e23b302c8 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_1_24bf1b6f-0978-466b-9aac-a7b46169f446.txt" @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-กระทรวงมหาดไทย หารือร่วมประชุมคณะกรรมการบริหาร "กองทุนทีปังกรนภัทรบุตร" ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มุ่งขับเคลื่อนการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีเชิงรุก + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +กระทรวงมหาดไทย หารือร่วมประชุมคณะกรรมการบริหาร "กองทุนทีปังกรนภัทรบุตร" ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มุ่งขับเคลื่อนการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีเชิงรุก +กระทรวงมหาดไทย หารือร่วมประชุมคณะกรรมการบริหาร "กองทุนทีปังกรนภัทรบุตร" ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มุ่งขับเคลื่อนการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีเชิงรุกทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันมาตรการลดภาวะคลอดก่อนกำหนด +เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 67 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น 2 โรงพยาบาลศิริราช นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (ถ) เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนโครงการสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุก เพื่อลดภาวะคลอดก่อนกำหนด เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ภายใต้โครงการเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารก เพื่อครอบครัวไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมี ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายเเพทย์ธราธิป โคละทัต กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการบริหารกองทุนทีปังกรนภัทรบุตร ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมนายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ผู้เเทน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม +นายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย มีภารกิจสำคัญในการดูแลคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนด้วยปณิธาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ในทุกมิติอย่างยั่งยืน ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งการประชุมในวันนี้ ได้มีการหารือถึงประเด็นแนวทางการขับเคลื่อนโครงการสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุก เพื่อลดภาวะคลอดก่อนกำหนด เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ภายใต้โครงการเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารกเพื่อครอบครัวไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร +“กระทรวงมหาดไทย จะดำเนินการประชุมและกำหนดแนวทางปฏิบัติ ร่วมกับ คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) พื้นที่ เพื่อพัฒนาระบบประเมินและติดตามผลและบูรณาการแนวทางการปฏิบัติระดับหมู่บ้าน และจัดประชุมและกำหนดขอบเขตการทำงาน รพ.สต. จัดทำภาพคลิปสื่อการสอน จัดอบรมให้ความรู้พยาบาลในสังกัดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และให้พยาบาลอบรมให้ความรู้ต่อไปยัง อสม. และ อสส. พร้อมทั้ง ค้นหาและกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เป็น Best Practice จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ จัดประชุมและเผยแพร่แนวปฏิบัติ 76 จังหวัด และดำเนินการพร้อมทีม พชอ. รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญ และข้อมูล Thai QM ของกรมการปกครองมาใช้ในการดำเนินการและติดตาม ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย พร้อมบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อคิดเห็นและคำแนะนำของคณะทำงาน ไปดำเนินการและขับเคลื่อนโครงการภายใต้กลไกในระดับพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทย โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม” นายราชันย์ฯ กล่าวเพิ่มเติม +ด้าน ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายเเพทย์ธราธิป โคละทัต กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการฯ ได้กล่าวถึงการพัฒนาต่อยอดโครงการเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารกเพื่อครอบครัวไทย ในพระราชูปถัมภ์ฯ โดยให้กระทรวงมหาดไทย ใช้กลไกในระดับพื้นที่ ค้นหาหญิงตั้งครรภ์รายใหม่ในชุมชน เพื่อให้ความรู้ ติดตาม สนับสนุน ช่วยเหลือ พร้อมทั้งเชิญชวนหญิงตั้งครรภ์มาฝากครรภ์โดยเร็วหลังจากที่ทราบว่าตั้งครรภ์ พร้อมทั้งปรับวิธีการสอนในคลินิกฝากครรภ์ของสถานพยาบาลทุกระดับให้เป็นไปในทิศทาง รวมถึงการดำเนินงานเชิงรุกและเชิงรับ โดยทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องบูรณาการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของภาคีเครือข่าย อาทิ คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และ 7 ภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานในพื้นที่ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86501 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_2_5ed28bc3-ae9b-4330-8c0b-beb8cd1079c6.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_2_5ed28bc3-ae9b-4330-8c0b-beb8cd1079c6.txt" new file mode 100644 index 000000000..93fa92d48 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_2_5ed28bc3-ae9b-4330-8c0b-beb8cd1079c6.txt" @@ -0,0 +1,20 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ปมท. และนายกสมาคมแม่บ้าน มท. แถลงข่าวการแสดงโขนพระราชทาน จ.ตราด ตอน "หนุมานชาญกำแหง" เชิญชวนชาวตราดและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมรับชมในวันที่ 24-25 ส.ค.67 เวลา 1 ทุ่มตรง ณ หอประชุม อบจ. + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +ปมท. และนายกสมาคมแม่บ้าน มท. แถลงข่าวการแสดงโขนพระราชทาน จ.ตราด ตอน "หนุมานชาญกำแหง" เชิญชวนชาวตราดและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมรับชมในวันที่ 24-25 ส.ค.67 เวลา 1 ทุ่มตรง ณ หอประชุม อบจ. +ปลัด มท. และนายกสมาคมแม่บ้าน มท. แถลงข่าวการแสดงโขนพระราชทาน จ.ตราด ตอน "หนุมานชาญกำแหง" เชิญชวนประชาชนชาวตราด และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมรับชมในวันที่ 24-25 ส.ค. 67 เวลา 1 ทุ่มตรง ณ หอประชุม อบจ.ตราด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย +เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 67 เวลา 17.30 น. ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าศาลากลางจังหวัดตราด อ.เมืองตราด จ.ตราด นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวการจัดการแสดงโขนพระราชทาน จังหวัดตราด ประจำปี 2567 ตอน "หนุมานชาญกำแหง" แสดงโดยคณะนักแสดงจากโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง โดยมี นายณรงค์ เทพเสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นายพีระ เอี่ยมสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ดร.วิเชียร ทรัพย์เจริญ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด นางนฤมล ล้อมทอง กรรมการผู้จัดการโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ 7 อำเภอ นายสุรศักดิ์ อิงประสาร ประธานบริหารบริษัท เพชรสยามศิลา จำกัด (ภาคีเครือข่ายภาคเอกชน) ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และสื่อมวลชน ร่วมในงาน +นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตนในฐานะเลือดเนื้อเชื้อไขชาวแหลมงอบ จังหวัดตราด รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยในพื้นที่จังหวัดตราดและจังหวัดภาคกลาง ในครั้งนี้ ซึ่งประชาชนชาวจังหวัดตราดได้รับโอกาสที่ดีของชีวิตเสมอมา ด้วยเพราะพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ นับเนื่องแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "เสด็จพ่อ ร.5" พระมหากษัตริย์ผู้ทรงไม่เคยทอดทิ้งคนตราด ซึ่งเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2450 ที่ทรงแล่นเรือมายังเมืองตราดภายหลังกลับจากประพาสยุโรปโดยทันที และทรงมีพระราชดำรัสในการเสด็จประพาสเมืองตราดครั้งนั้นอันเป็นครั้งสุดท้ายในรัชสมัย ความว่า "ซึ่งเจ้าทั้งหลายคิดเห็นว่าเราเหมือนบิดาที่พลัดพรากจากบุตร จึงรีบมาหานั้นเป็นความคิดอันถูกต้องแท้ ขอให้เชื่ออยู่ในใจเสมอไปในเบื้องหน้า ดังเช่นที่คิดเห็นในครั้งนี้ว่า เราคงจะเป็นเหมือนบิดาของเจ้าเสมอตลอดไป ย่อมยินดีด้วยในเวลามีความสุข และจะช่วยปลดเปลื้องอันตรายในเวลามีความทุกข์..." +"ในด้านการส่งเสริมสนับสนุนศิลปการแสดงของชาติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ได้ให้ความสำคัญและพระราชทานกำเนิด "โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง" ที่เป็นโรงมหรสพที่มีที่นั่ง มีฉาก มีเครื่องเสียง เป็นโรงละครที่มีมาตรฐานเทียบเท่านานาประเทศ กระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ได้พระราชทานแนวพระราชดำริ ให้โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง ได้จัดการแสดงโขนเพื่อเป็นการเผยแพร่อัตลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมการแสดงชั้นสูงสู่สายตานักท่องเที่ยวต่างประเทศ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี ทรงสนองพระราชดำริ ด้วยการขยายผลและพระราชทานพระราชเสาวนีย์ให้โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง และมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้มีการจัดแสดงโขนพระราชทานทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค" นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น +นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า นับเป็นความโชคดีของคนไทยที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานที่แน่วแน่ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีหลวง เพื่อที่จะให้การแสดงโขนเป็นสิ่งที่จะแสดงออกซึ่งภูมิปัญญาของชาติไทย สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ของภูมิปัญญาไทย เป็นศิลปการแสดงชั้นสูงของชาติ ซึ่งในยุคหนึ่งกำลังจะเลือนหายไปจากสังคมไทย กลับฟื้นคืนได้มีพื้นที่มาแสดง ได้มีโอกาสมาเล่นให้คนในภูมิภาคได้ชม และเป็นพระราชดำริสำคัญที่หนุนเสริมทำให้ "โขน" ศิลปการแสดงชั้นสูงของไทยได้รับการประกาศรับรองจาก UNESCO ให้เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Heritage) ของมวลมนุษยชาติ ซึ่งในการแสดงโขนพระราชทานในส่วนภูมิภาคนั้น คณะนักแสดงจากโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง จะสัญจรไปอย่างน้อยปีละ 3-4 ครั้ง ทำให้เกิดสิ่งที่ดีต่อประชาชนและประเทศชาติ ได้แก่ 1) โขนเป็นการเผยแพร่อัตลักษณ์ความเป็นไทย ที่แสดงให้เห็นในเรื่องภาษา การแต่งกาย การแสดง อาหารการกิน วิถีชีวิต สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ ความมั่นคง ความเป็นปึกแผ่นของคนไทย 2) โขนมิใช่เป็นเพียงเรื่องการแสดง แต่ยังมีเสน่ห์ในเรื่องของภาษาที่ไพเราะเพราะพริ้ง มีบทร้อยกรองที่กินใจและอ่อนหวาน ควบคู่กับดนตรีไทย ทั้งระนาด กลอง ฉิ่ง ฉาบ โทน ฯลฯ รวมทั้งเสื้อผ้า-เครื่องแต่งกาย ทั้งเครื่องพัสตราภรณ์ ถนิมพิมพาภรณ์ และศิราภรณ์ ที่มีความวิจิตรบรรจง ทั้งเครื่องทอง สังวาลย์ ผ้านุ่ง 3) โขนมีคติเตือนใจ สอนให้คนมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้คนมีความเชื่อมั่นว่า "ความดีอยู่เหนือสิ่งอื่นใด, ธรรมะจะชนะอธรรม" คนที่ปฏิบัติราชการด้วยความจงรักภักดี ด้วยซื่อสัตย์สุจริตจะประสบความสำเร็จ ดังเช่นหนุมานชาญกำแหง ที่ไม่เคยลืมจะทำหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จ ด้วยการเพียรพยายามทำกระทั่งภารกิจราชการสำเร็จ และทำให้เกิดคติสอนใจ ทำให้คนที่ได้มาดื่มดำชื่นชมได้รับการอบรมบ่มเพาะจิตใจตนเองให้กลายเป็นคนดี 4) โขนยังทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ผ่านท่ารำ ท่าเต้น และทำให้เด็กเกิดจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความชื่นชม ชื่นชอบ และรักในการแสดง และ 5) การจัดการแสดงโขนพระราชทานในครั้งนี้จะส่งเสริมให้เกิดสิ่งที่ดีต่อจังหวัดตราด เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมสินค้าผลิตภัณฑ์ของจังหวัดตราดให้มีชื่อเสียงเพิ่มพูนมากขึ้น +นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า พี่น้องประชาชนในพื้นที่ทั้ง 7 อำเภอของจังหวัดตราด สามารถจองที่นั่งผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 หรือแจ้งความประสงค์ผ่านนายอำเภอ ปลัดอำเภอประจำตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แต่หากได้จองแล้วขอให้เดินทางมาชมจริง เพื่อจะได้ ไม่เสียโอกาสของพี่น้องชาวตราดท่านอื่น และขอให้พวกเราได้ภาคภูมิใจว่า พวกเราคุ้มค่าที่เกิดมาเป็นคนไทย เพราะจะได้มีโอกาสรับชมการแสดงโขนพระราชทานที่สนุกสนาน สวยงาม ตื่นเต้นเร้าใจ นอกจากนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ได้ขอความร่วมมือส่วนราชการด้านการจัดการศึกษา ทั้งผู้บริหาร อปท. ผู้อำนวยการ สพม. สพป. ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียน ให้ลูกหลานในพื้นที่จังหวัดตราด ได้เรียนรู้เรื่องรามเกียรติ์ ด้วยการจัดการแข่งขันแต่งบทประพันธ์ บทกลอน วาดภาพ ทั้งหนุมานและตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ และนำผลงานไปจัดการแสดงในวันที่จัดแสดง เพื่อร่วมกันสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสานงานวรรณกรรม ร้อยกรอง ร้อยแก้ว สะท้อนความรักในงานศิลปะและวัฒนธรรมของไทยที่มีเต็มเปี่ยมในหัวใจของเด็กและเยาวชน และภายหลังจากเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ตนจะเปิดโรงเรียนสอนดนตรีไทย ที่บ้านย่านท่าเสด็จ ชุมชนบางพระ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด รวมถึงร่วมกับพี่น้องชาวจังหวัดตราดสร้างสรรค์สิ่งที่ดีในฐานะพสกนิกรที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดไป +ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวว่า การจัดการแสดงโขนพระราชทาน จังหวัดตราด ตอน หนุมานชาญกำแหง เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดการต่อยอดศิลปวัฒนธรรมการแสดงชั้นสูงของชาติ เพื่อทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ทำให้เด็กอยากที่จะสืบสาน รักษาศิลปวัฒนธรรมไทยแขนงต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบของการแสดงโขนทั้งเรื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย ท่วงท่าร่ายรำให้คงอยู่ จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดตราด ได้ช่วยกันสื่อสารถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มาจากน้ำพระราชหฤทัยอันแน่วแน่ ที่พระองค์ทรงปรารถนาให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข ด้วยการพระราชทานพระมหากรุณาสิ่งที่ดีของประเทศชาติมาให้พี่น้องชาวจังหวัดตราดและชาวจังหวัดใกล้เคียงได้ชื่นชมและสัมผัสกับความจริงที่ว่า ""โขน" เป็นนาฏศิลป์ไทย ที่เป็นทั้ง King และ Queen ของการแสดงของไทย" ที่ครั้งหนึ่งของชีวิต เราต้องมารับชม และพาลูกหลานมารับชมให้มากที่สุด ในวันที่ 24-25 สิงหาคม 2567 เวลา 19.00 น. ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด +นายณรงค์ เทพเสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระมหากรุณาให้กับชาวจังหวัดตราด ได้รับชมการแสดงโขนพระราชทาน ซึ่งถือเป็นการแสดงศิลปวัฒนธรรมชั้นสูงที่หาชมได้ยาก โดยนายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และพวกเราผู้เป็นข้าราชการชาวจังหวัดตราดในฐานะตัวแทนประชาชนคนตราดรู้สึกตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยทุกคน โดยทางจังหวัดตราดได้แต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ทั้งได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการเป็นระยะ และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ได้รับเกียรติจากท่านผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย และท่านกรรมการผู้จัดการโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง ได้ติดตามความพร้อมแล้วตรวจเยี่ยมสถานที่การจัดการแสดง และขอให้ความมั่นใจว่าทางจังหวัดตราดจะได้บูรณาการทุกภาคีเครือข่ายทำให้การจัดการแสดงโขนพระราชทาน ตอน หนุมานชาญกำแหง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 สิงหาคม 2567 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน +นางนฤมล ล้อมทอง กรรมการผู้จัดการโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง กล่าวว่า การสัญจรมาต่างจังหวัดในห้วงที่ผ่านมาทั้ง 25 จังหวัด เราสามารถทำได้เต็มศักยภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทยและนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย มาเป็นผู้สนับสนุน ส่งผลให้เราทำงานได้อย่างต่อเนื่อง จริงจัง และมีความสุข โดยโขนพระราชทานในประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1) โขนโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง เล่นวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวัง วันละประมาณ 2,000 คน ซึ่งเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จบรมราชชนนีหลวง เพื่อที่จะเป็นหน้าต่างของประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทย 2) โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ปีละ 1 ครั้ง และ 3) โขนที่ไปสัญจรตามจังหวัดต่าง ๆ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนค่ายานพาหนะ การดูแลนักแสดง และอุปกรณ์ในการเดินทางไปในแต่ละจังหวัด โดยทรงรับสั่งว่า "ทุกที่ที่ไปชุดต้องใหม่และสวย" และในส่วนของสถานที่พัก สถานที่จัดแสดง และอาหาร ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดภายใต้การนำของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และภาคีเครือข่าย +"คณะนักแสดงโขนโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุงมาด้วยความตั้งใจ เราจะทำให้โขนพระราชทานที่มาแสดงที่จังหวัดตราด เป็นการแสดงที่ดีที่สุด เพราะตลอด 25 จังหวัดที่ผ่านมาเรายังไม่เคยเล่นใน Hall เป็นการเล่นกลางแจ้ง แต่การแสดงครั้งนี้ แม้ว่าที่นั่งใน Hall จะจำกัดเพียง 2,300 ที่ เราจะมีการถ่ายทอดไปยังที่นั่งด้านนอก Hall ด้วย ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนได้เร่งในการเดินทางมารับชม เพราะถ้าใครเดินทางมาก่อนก็จะมีที่นั่งในหอประชุม ขอให้ทุกท่านได้ภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งได้มีโขนพระราชทานจัดแสดงขึ้นที่จังหวัดตราดเป็นจังหวัดที่ 26 นับแต่มีการพระราชทานพระมหากรุณา" +ดร.วิเชียร ทรัพย์เจริญ นายก อบจ.ตราด กล่าวว่า อบจ.ตราด พร้อมให้การสนับสนุนการจัดการแสดงโขนพระราชทานในครั้งนี้อย่างเต็มกำลัง เพราะเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานให้กับคนตราด ดังนั้น เราคนตราดทุกคนมีความรักบ้านรักเมือง และพี่น้องประชาชนก็อยากมาชมด้วยความเต็มใจ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86502 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_3_0bbe72b0-bc5d-4a6d-9198-e551fe598718.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_3_0bbe72b0-bc5d-4a6d-9198-e551fe598718.txt" new file mode 100644 index 000000000..3c5cc1cff --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_3_0bbe72b0-bc5d-4a6d-9198-e551fe598718.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“พิพัฒน์”มอบเลขาฯ “อารี” เยี่ยมสถานประกอบกิจการ จ.สมุทรสาคร หารือแนวทางพัฒนาความปลอดภัยในการทำงานอย่างยั่งยืน พร้อมเผยอัตราการเสียชีวิตจากการทำงานลดลง 14% + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +“พิพัฒน์”มอบเลขาฯ “อารี” เยี่ยมสถานประกอบกิจการ จ.สมุทรสาคร หารือแนวทางพัฒนาความปลอดภัยในการทำงานอย่างยั่งยืน พร้อมเผยอัตราการเสียชีวิตจากการทำงานลดลง 14% +“พิพัฒน์”มอบเลขาฯ “อารี” เยี่ยมสถานประกอบกิจการ จ.สมุทรสาคร หารือแนวทางพัฒนาความปลอดภัยในการทำงานอย่างยั่งยืน พร้อมเผยอัตราการเสียชีวิตจากการทำงานลดลง 14% +วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมาย นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เยี่ยมชมการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร โดยมีผู้บริหารของบริษัทฯ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย นางวัชรี มากหวาน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติ +นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ได้รณรงค์ให้ทุกประเทศให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมในการทำงานที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยในการทำงาน ประกอบกับกระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้มีการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานตามระเบียบวาระแห่งชาติ “แรงงานปลอดภัยและสุขภาพอนามัยดี” โดยมีเป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการและบูรณาการในทุกภาคส่วนเพื่อให้การดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของประเทศเป็นไปตามเจตนารมณ์ในการลดการประสบอันตรายจากการทำงานที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่าข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2567 อัตราการประสบอันตรายจากการทำงานกรณีร้ายแรงลดลงร้อยละ 4.00 อัตราการเสียชีวิตจากการทำงานลดลงร้อยละ 14.00 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด อย่างไรก็ตาม การที่จะไปสู่ผลสำเร็จตามเป้าหมายนั้นย่อมเกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนซึ่งถือเป็นฟันเฟืองหลักที่จะนำนโยบายลงสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง ผมขอขอบคุณบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ให้เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิต แนวทางการบริหารจัดการด้านแรงงาน การบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม การลดการใช้พลังงาน การลดของเสียที่เกิดจากขั้นตอนการผลิตให้เป็นศูนย์ (Zero Discharge) และกลยุทธ์ความยั่งยืน (Sea Change) ของสถานประกอบกิจการเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางในการบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการลูกจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้นำไปปรับเปลี่ยนและพัฒนาการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป +นางวัชรี มากหวาน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการผลิตและจำหน่าย อาหารทะเลแช่แข็ง แช่เย็นและบรรจุกระป๋อง มีลูกจ้างจำนวน 7,901 คน เป็นสถานประกอบกิจการที่โดดเด่นด้านการบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรฐาน ISO 45001 มาตรฐานการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) รวมทั้งมีอัตราการประสบอันตรายจากการทำงานลดลงอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนมีการบริหารจัดการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่ดีเยี่ยม ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรฐาน ISO 14001 อุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 3 และการลดของเสียที่เกิดจากขั้นตอนการผลิตให้เป็นศูนย์ เป็นต้น + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86526 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_4_9ef0a574-edef-4609-a8ca-15f121d6912d.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_4_9ef0a574-edef-4609-a8ca-15f121d6912d.txt" new file mode 100644 index 000000000..98c8e2903 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207_4_9ef0a574-edef-4609-a8ca-15f121d6912d.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ทส. จัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อส. ปม. ทช. ในวันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก 2567 + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +ทส. จัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อส. ปม. ทช. ในวันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก 2567 +ทส. จัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อส. ปม. ทช. ในวันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก 2567 +ทส. จัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อส. ปม. ทช. ในวันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก 2567 +วันนี้ (31 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้ ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงฯ เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก (WORLD RANGER DAY) ประจำปี 2567 ซึ่งตรงกับวันที่ 31 กรกฎาคมของทุกปี ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจากทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) กรมป่าไม้ (ปม.) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ตลอดจน ดร.ดินโด แคมปิลัน ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ (IUCN) และนายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมในพิธี +ร.อ.รชฏ กล่าวว่า ในนามตัวแทนของผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ขอสดุดีและไว้อาลัยแด่วีรชนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ และขอเชิดชูเกียรติเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทั้ง 3 หน่วยงาน ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ อุทิศตน ในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ เพื่ออนุรักษ์ไว้เป็นมรดกและเพื่อประโยชน์ให้ลูกหลานของเราต่อไปในอนาคต ที่ผ่านมา ทส. ตระหนักถึงปัญหาของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า และได้ให้การดูแลช่วยเหลือทั้งด้านสวัสดิการ การสนับสนุนยานพาหนะ วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาช่วยในการปฏิบัติงานให้เป็นระบบ มีมาตรฐาน ลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ในการเข้าปะทะกับผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด +โอกาสนี้ ร.อ.รชฏ ยังได้เป็นสักขีพยานในการรับมอบโล่และเงินช่วยเหลือ จากมูลนิธิฟรีแลนด์ และจากสมาคมอุทยานแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนสวัสดิการเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อส. และมอบให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมทั้งได้มอบโล่เกียรติคุณและเกียรติบัตรให้แก่หัวหน้าหน่วยงาน ที่มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเสียชีวิต ตลอดจนมอบอุปกรณ์และเครื่องดำรงชีพที่จำเป็นในการออกปฏิบัติหน้าที่ ให้แก่ผู้แทนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจากทั้ง 3 หน่วยงาน ที่ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าปฏิบัติงานเป็นแนวหน้าในการอนุรักษ์คุ้มครองพื้นที่อนุรักษ์ ทั้งพื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่ทางทะเล ประมาณ 21,000 คน + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86529 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_1_57765d3a-3d3b-4daa-a505-aaf3f23adf4c.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_1_57765d3a-3d3b-4daa-a505-aaf3f23adf4c.txt" new file mode 100644 index 000000000..c494b2b1d --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_1_57765d3a-3d3b-4daa-a505-aaf3f23adf4c.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-สธ จับตาไข้ “โอโรพุช” ระบาดในบราซิล เตือนหากป่วยหลังกลับจากพื้นที่ระบาดให้รีบพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติเดินทาง ชี้สามารถป้องกันได้โดยป้องกันริ้นกัด + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +สธ จับตาไข้ “โอโรพุช” ระบาดในบราซิล เตือนหากป่วยหลังกลับจากพื้นที่ระบาดให้รีบพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติเดินทาง ชี้สามารถป้องกันได้โดยป้องกันริ้นกัด +กระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์ “ไข้โอโรพุช” (Oropouche fever) อย่างใกล้ชิด หลังกระทรวงสาธารณสุขประเทศบราซิลรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคนี้เป็นครั้งแรก 2 ราย มีอายุต่ำกว่า 30 ปี +แนะนำผู้ที่เดินทางมาจากประเทศบราซิลหรือประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้ หากมีอาการป่วยให้รีบพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง ชี้เป็นโรคที่ป้องกันได้ด้วยการป้องกันริ้นกัด +วันนี้ (31 กรกฎาคม 2567) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุขประเทศบราซิล มีรายงานเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 พบผู้เสียชีวิตจากโรค “ไข้โอโรพุช” (Oropouche fever) เป็นครั้งแรกของโลก จำนวน 2 ราย ว่า รายงานของกระทรวงสาธารณสุขบราซิล ระบุว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองรายเป็นเพศหญิงที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี อาศัยอยู่ที่รัฐบาเอีย ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยทั้งคู่มีอาการป่วยคล้ายกับโรคไข้เลือดออกเดงกี่ที่มีอาการรุนแรง ซึ่งในอดีตยังไม่เคยมีรายงานการเสียชีวิตด้วยโรคไข้โอโรพุชมาก่อน ทั้งนี้ มีรายงานพบผู้ป่วยโรคนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ที่สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก และในหลายทศวรรษที่ผ่านมาเคยมีรายงานพบการระบาดในบางประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ โดยพบมากที่สุดที่ประเทศบราซิล จำนวนรวม 7,236 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2567) และยังมีรายงานผู้ป่วยในประเทศโบลิเวีย, เปรู, คิวบา และโคลอมเบียด้วย แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานการระบาดของโรคนี้ในทวีปอื่นๆ รวมทั้งทวีปเอเชีย +นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีระบบการเฝ้าระวังโรคติดต่อภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียวและมีประสบการณ์รับมือกับโรคติดต่อจากต่างประเทศมาหลายครั้ง เช่น ฝีดาษวานร โควิด 19 ซึ่งในการระบาดของโรค “ไข้โอโรพุช” ครั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน ทั้งนี้ ไข้โอโรพุชมีริ้นชนิด Culicoides paraensis เป็นพาหะนำโรค แต่ทั้งริ้นชนิดนี้และเชื้อไวรัสโอโรพุชยังไม่เคยพบในประเทศไทย จึงมีคำแนะนำสำหรับประชาชนที่เดินทางไปในประเทศที่มีรายงานการระบาดของโรคนี้ในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ให้ป้องกันตนเองระหว่างที่เดินทางในต่างประเทศ โดยสวมเสื้อและกางเกงขายาว และทาโลชั่นกันยุงเพื่อป้องกันยุงและริ้น และหากเดินทางกลับมาแล้วมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่น ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ หรือรีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทาง เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป +********************************************** 31 กรกฎาคม 2567 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86499 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_2_e5478e4f-5d70-4b44-8304-708a290aa979.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_2_e5478e4f-5d70-4b44-8304-708a290aa979.txt" new file mode 100644 index 000000000..e0eb0e99c --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_2_e5478e4f-5d70-4b44-8304-708a290aa979.txt" @@ -0,0 +1,29 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ดีอี เผยกลโกง “โจรออนไลน์” ป่วนลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ย้ำ ปปช. สอบถามข้อมูลผ่านสายด่วน Digital Wallet 1111 + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +ดีอี เผยกลโกง “โจรออนไลน์” ป่วนลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ย้ำ ปปช. สอบถามข้อมูลผ่านสายด่วน Digital Wallet 1111 +ดีอี เผยกลโกง “โจรออนไลน์” ป่วนลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ย้ำ ปปช. +สอบถามข้อมูลผ่านสายด่วน Digital Wallet 1111 +นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” นั้น และจุดให้บริการ Walk-in ของหน่วยงานรัฐ 5,207 จุดทั่วประเทศ นั้น +ล่าสุดจากการติดตามตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลต่างๆ พบการกระทำต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมออนไลน์ อาทิ 1.การจัดตั้งกลุ่ม หรือ แฟนเพจ Facebook แอบอ้างให้ความรู้ ข้อมูลเรื่องโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต โดยใช้บัญชีแอ็กเคานต์ที่ไม่เปิดเผยตัวตน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ +2.การแชร์ และเผยแพร่ลิงก์ข่าวที่มีข้อมูลบิดเบือน ข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ  3.การโพสต์ข้อความหลอกลวงให้ช่วยเหลือประชาชนในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ +ทั้งนี้กระทรวง ดีอี ขอแจ้งเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อรูปแบบการหลอกลวงต่างๆ ที่แอบอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ โดยขอย้ำว่า ประชาชนผู้ที่มีสมาร์ตโฟน ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ต้องสมัครยืนยันตัวตน และลงทะเบียนด้วยตนเองในแอปฯ ทางรัฐ เท่านั้น ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการของสมาร์ตโฟนดังนี้ +1.แอปพลิเคชัน “App Store” สำหรับระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) ดาวน์โหลดได้ที่ https://apps.apple.com/th/app/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3-%E0%B8%90/id1514331336?l=th +2.แอปพลิเคชัน “Google Play” สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ดาวน์โหลดได้ที่ +https://play.google.com/store/apps/details?id=th.or.dga.citizenportal +ขณะที่ประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ตโฟน รัฐบาลได้เปิดจุดให้บริการ (Walk – in) สอบถามข้อมูล และให้บริการรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ดังนี้ +1.ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ทั่วประเทศ +2.ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง ทั่วประเทศ (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ) +3.ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ +4.ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่งทั่วประเทศ +รวมจำนวนจุดให้บริการทั้งหมด 5,207 แห่งทั่วประเทศ +นอกจากนี้ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งเป็นข้อมูลโดยตรงจากรัฐบาล ที่เชื่อถือได้ ในเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ +www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านศูนย์บริการข้อมูลโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โทรสายด่วน Digital Wallet 1111 พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง +“กระทรวง ดีอี ตรวจพบการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการก่ออาชญกรรมออนไลน์ การหลอกลวง +ในแพลตฟอร์ม โซเชียล และสื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งข่าวบิดเบือนข้อมูลของโครงการฯ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน และมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงขอเตือนประชาชน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมผ่านช่องทางที่รัฐบาล กระทรวงดีอี และกระทรวงการคลัง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดไว้อย่างเป็นทางการ และแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เท่านั้น อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ หลอกลวงส่งลิงก์ หรือแพลตฟอร์มปลอมต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นช่องทางการลงทะเบียน หรือข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ ซึ่งอาจมีผลให้ข้อมูลส่วนบุคคลหลุดรอด หรือสูญเสียทรัพย์สินได้” นายประเสริฐ กล่าว +สอบถามข้อมูลข่าวสารโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต โทรสายด่วน Digital Wallet 1111 (24 ชม.) +#กระทรวงดิิจิทัล #กระทรวงดีอี #DE #Digitalwallet #รมวประเสริฐ +------------------------------------------------------------------------------------- + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86534 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_3_8a2f74dc-1a8a-4940-ba4a-b432fe6d508b.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_3_8a2f74dc-1a8a-4940-ba4a-b432fe6d508b.txt" new file mode 100644 index 000000000..68ec27153 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_3_8a2f74dc-1a8a-4940-ba4a-b432fe6d508b.txt" @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-สธ.รุกแก้ปัญหาหนี้สินบุคลากร เสนอสหกรณ์ฯ ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้เหลือไม่เกินร้อยละ 4.75 ต่อปี + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +สธ.รุกแก้ปัญหาหนี้สินบุคลากร เสนอสหกรณ์ฯ ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้เหลือไม่เกินร้อยละ 4.75 ต่อปี +กระทรวงสาธารณสุข หารือสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขทั่วประเทศ ร่วมแบ่งเบาภาระการเงินของบุคลากรสาธารณสุข หลังสำรวจพบร้อยละ 12 มีภาระหนี้สิน +โดยเป็นหนี้สหกรณ์มากสุด ร้อยละ 19 และมีมติเสนอให้สหกรณ์ฯ ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงเหลือไม่เกิน ร้อยละ 4.75 ต่อปี พร้อมเตรียมจัดมหกรรมความสุขทางการเงิน 12 เขตสุขภาพทั่วประเทศ +วันนี้ (31 กรกฎาคม 2567) นายโฆสิต สุวินิจจิต คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นสูงถึงกว่าร้อยละ 90 ถือเป็นปัจจัยที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะเศรษฐกิจไทย รัฐบาลจึงกำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาหนี้สินของบุคลากรสาธารณสุขเช่นกัน โดยกำหนดเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากร เป็นแรงสนับสนุนให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลสุขภาพประชาชนได้อย่างเต็มที่ และเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานในการประชุมชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินบุคลากรสาธารณสุข ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขทั่วประเทศ โดยมี นพ.สุพรรณ ศรีธรรมา ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำกัด ดร. นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขทั่วประเทศ เข้าร่วมรับฟังและเสนอข้อคิดเห็น เพื่อหาแนวทางสร้างความสมดุลทางการเงินให้กับบุคลากรสาธารณสุขร่วมกัน +“ที่ประชุมมีมติเสนอให้สหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขทั่วประเทศพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ต่ำลง เหลือไม่เกินร้อยละ 4.75 ต่อปี และกำหนดหรือปรับปรุงหลักเกณฑ์การหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้เงินกู้และค่าใช้จ่ายอื่นใดของสมาชิก โดยต้องมีเงินเดือนคงเหลือสุทธิเพื่อการดำรงชีพไม่น้อยกว่า ร้อยละ 30 และมอบให้กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการช่วยเหลือแก้ปัญหาหนี้สินบุคลากรและปรับระบบให้เกิดความมั่นคงทางการเงินการคลังของกระทรวงสาธารณสุข” นายโฆษิตกล่าว +ดร.นพ.พงศธร กล่าวว่า จากการสำรวจสถานการณ์ปัญหาหนี้สินของบุคลากรสาธารณสุข จำนวน 51,016 คน พบว่า มีหนี้สินร้อยละ 12 โดยเป็นหนี้สหกรณ์มากที่สุด ร้อยละ 19 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้วางแนวทางการขับเคลื่อนแผนความมั่นคงปลอดภัยทางการเงิน 6 แผนงาน ได้แก่ 1) การส่งเสริมให้บุคลากรสร้างวินัยทางการเงิน 2) การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำร่วมกับธนาคารออมสิน 3) การแก้ปัญหาหนี้เสียร่วมกับสถาบันการเงิน 4) การปรับโครงสร้างหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 5) การจัดมหกรรมความสุขทางการเงิน (Happy Money Expo) ทุกเขตสุขภาพทั่วประเทศ โดยนำร่องคิกออฟในส่วนกลาง เมื่อวันที่ 6 - 7 กรกฎาคม 2567 และจะขับเคลื่อนในอีก 12 เขตสุขภาพต่อไป และ 6) การปรับลดดอกเบี้ยสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งจากข้อมูลกรมส่งเสริมสหกรณ์ พบว่ามีสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุข 158 แห่ง มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุดร้อยละ 4.5 และสูงสุดร้อยละ 7.5 อัตราเฉลี่ยร้อยละ 5.97 +นพ.สุพรรณ กล่าวว่า การแก้ปัญหาหนี้สินเพื่อช่วยเหลือสมาชิกให้มีความสุข มีแรงใจในการทำงาน เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานของสหกรณ์ ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินที่ชัดเจน สหกรณ์จึงได้สนองตอบนโยบายรัฐบาลและปฏิบัติตามแนวทางของกรมส่งเสริมสหกรณ์ อาทิ โครงการเงินกู้สามัญรวมหนี้ภายนอกเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ สป.สธ. จำกัด พ.ศ. 2567 ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.75 โครงการเงินกู้สามัญรวมหนี้แก้ไขปัญหาหนี้สินเพื่อสร้างความมั่นคงแก่สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ สป.สธ. จำกัด พ.ศ. 2567 ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.25 และ โครงการเงินกู้สามัญปรับโครงสร้างหนี้ ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.75 และ 6.25 ทั้งนี้ หากสหกรณ์ใดจะดำเนินการตามขอให้วิเคราะห์สภาพคล่องและฐานะการเงิน ภาระหนี้ผูกพัน การตอบแทนสมาชิก เนื่องจากแต่ละแห่งมีบริบทที่แตกต่างกัน และขอให้ยึดหลักการดำเนินงานตามระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ โดยใช้กลไกการการดำเนินงานของคณะกรรมการสหกรณ์ เพื่อความโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ +*************************************** 31 กรกฎาคม 2567 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86535 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_4_4f08a989-25a5-4835-863a-9f46b370904f.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_4_4f08a989-25a5-4835-863a-9f46b370904f.txt" new file mode 100644 index 000000000..d6fb68bb8 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241_4_4f08a989-25a5-4835-863a-9f46b370904f.txt" @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“ตลาดนัดคุณธรรม สธ.” ปีที่ 7 หนุนบุคลากรเป็นคนคุณธรรม ขับเคลื่อนองค์กรคุณธรรมอย่างยั่งยืน + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +“ตลาดนัดคุณธรรม สธ.” ปีที่ 7 หนุนบุคลากรเป็นคนคุณธรรม ขับเคลื่อนองค์กรคุณธรรมอย่างยั่งยืน +กระทรวงสาธารณสุข จัดกิจกรรมตลาดนัดคุณธรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ส่งเสริมบุคลากรและหน่วยงานใช้หลักคุณธรรม 5 ประการ “พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา กตัญญู” ในการดำรงชีวิตและดำเนินงาน +พร้อมแลกเปลี่ยน  องค์ความรู้ผ่านกิจกรรม Moral Show เพื่อนำไปต่อยอด ขยายผล พัฒนางานให้เป็นองค์กรคุณธรรมต้นแบบอย่างยั่งยืนร่วมกัน โดยปีนี้มีผู้ได้รับรางวัล “Good Guy 2024” บุคคลต้นแบบด้านคุณธรรมจริยธรรม จำนวน 30 คน +วันนี้ (31 กรกฎาคม  2567) ที่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เปิดโครงการตลาดนัดคุณธรรม (MOPH Moral Market) ปีที่ 7 ภายใต้แนวคิด “MOPH Moral Touchable : คุณธรรมสัมผัสได้ : กระทรวงสาธารณสุขเป็นองค์กรคุณธรรมต้นแบบอย่างยั่งยืน” โดยมี นายแพทย์วินัย วิริยกิจจา ประธานกรรมการจริยธรรมประจำสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พลอากาศเอก วีรวิท คงศักดิ์ กรรมการจริยธรรมประจำสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ระดับกระทรวง ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และบุคลากรในสังกัด เข้าร่วมงาน +นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจัดกิจกรรมตลาดนัดคุณธรรมมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7  เพื่อเสริมสร้างระบบคุณธรรมของกระทรวงสาธารณสุขให้เข้มแข็ง บนฐานคิดการยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน นำไปสู่การเป็นกระทรวงคุณธรรม (Moral Ministry of Public Health) ภายใต้คุณธรรม   5 ประการ “พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา กตัญญู” และค่านิยม MOPH ที่เชื่อมโยงกับแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) โดยมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้การดำเนินงานองค์กรคุณธรรมของแต่ละหน่วยงาน ผ่านกิจกรรม Moral Show ที่นำเสนอด้วยวิธีการที่เข้าใจง่าย เห็นความสำเร็จในการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการดำเนินงานองค์กรคุณธรรมต้นแบบของหน่วยงาน เกิดการต่อยอด ขยายผล และพัฒนาสู่การเป็นองค์กรคุณธรรมต้นแบบอย่างยั่งยืน +“ขอแสดงความยินดีกับบุคลากรที่ได้รับรางวัล “Good Guy 2024” ทุกท่าน และขอชื่นชมในการประพฤติปฏิบัติตนที่ดี เป็นต้นแบบด้านคุณธรรมจริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และมีจิตสาธารณะ รวมทั้งขอให้ทุกหน่วยงาน ที่ร่วมออกบูธนิทรรศการครั้งนี้ ได้ธำรงรักษาและมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านคุณธรรม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนกระทรวงสาธารณสุขสู่การเป็นองค์กรคุณธรรมต้นแบบอย่างยั่งยืนสืบไป” นายแพทย์โอภาสกล่าว +ทั้งนี้ ภายในงานมีการออกบูธนิทรรศการและการนำเสนอผลงานวิชาการองค์กรคุณธรรมต้นแบบ และการมอบรางวัล “คุณธรรม เทวะเวสม์” ประกอบด้วย ใบประกาศเกียรติคุณ “Good Guy 2024” 30 คน เข็มเชิดชูเกียรติ “Good Guy” 11 คน โล่รางวัลผลงานวิชาการองค์กรคุณธรรมต้นแบบระดับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 3 รางวัล ระดับกระทรวงสาธารณสุข 3 รางวัล และโล่รางวัลกิจกรรม “Moral Show” 3 รางวัล โดยมีหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขส่วนกลาง กรมต่างๆ และหน่วยงานในกำกับ เข้าร่วมกิจกรรมรวม 32 หน่วยงาน +********************************************** 31 กรกฎาคม 2567 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86536 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_10_a649324b-c2ef-479a-9196-d15529d924d4.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_10_a649324b-c2ef-479a-9196-d15529d924d4.txt" new file mode 100644 index 000000000..0487ae431 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_10_a649324b-c2ef-479a-9196-d15529d924d4.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ธ.ก.ส. ได้รับการประเมินความโปร่งใสและคุณธรรม ITA Awards ระดับผ่านดีเยี่ยม + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +ธ.ก.ส. ได้รับการประเมินความโปร่งใสและคุณธรรม ITA Awards ระดับผ่านดีเยี่ยม +ธ.ก.ส. รับประกาศนียบัตรการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระดับผ่านดีเยี่ยม ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้รับคะแนน 97.94 +(วันนี้ 30 กรกฎาคม 2567) ณ ห้องนนทบุรี อาคาร 4 สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ารับประกาศนียบัตรการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA)  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระดับผ่านดีเยี่ยม จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Transparency with Quality โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้รับคะแนน 97.94 การประเมินดังกล่าว แสดงถึงการเป็นองค์กรที่ดำเนินกิจการที่มีคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของธนาคารตามหลักธรรมาภิบาล และเป็นการประเมินที่มีวัตถุประสงค์ในการก่อให้เกิดการปรับปรุงพัฒนาด้านคุณธรรมและความโปร่งใสในหน่วยงานภาครัฐ ทั่วประเทศ และเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในด้านการต่อต้านการทุจริต โดยมีนายวิทยา ปทุมาสูตร ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. และพนักงาน ธ.ก.ส. เข้าร่วมงาน +ในโอกาสนี้ ธ.ก.ส. ขอขอบคุณเกษตรกรลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ร่วมสนับสนุน ซึ่ง ธ.ก.ส. ขอตั้งมั่นในคุณธรรม พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนางานตามหลักคุณธรรมและความโปร่งใส ให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86525 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_11_da60c29e-96dc-4af1-a3aa-f38645f22dce.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_11_da60c29e-96dc-4af1-a3aa-f38645f22dce.txt" new file mode 100644 index 000000000..a803172ca --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_11_da60c29e-96dc-4af1-a3aa-f38645f22dce.txt" @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-"เผ่าภูมิ" เดินหน้า "สลากเกษียณ" ชูมิติใหม่การออม ผ่าน กอช. ลุยสัญจรทั่วไทย + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +"เผ่าภูมิ" เดินหน้า "สลากเกษียณ" ชูมิติใหม่การออม ผ่าน กอช. ลุยสัญจรทั่วไทย +กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดกิจกรรม "9 ปี กอช. ก้าวสู่อนาคตที่มั่นคง" โดยมี ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เป็นประธานในพิธี พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับคณะผู้บริหารและบุคลากร กอช. ในวาระครบรอบ 9 ปี การจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ +เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดกิจกรรม "9 ปี กอช. ก้าวสู่อนาคตที่มั่นคง" โดยมี ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับคณะผู้บริหารและบุคลากร กอช. ในวาระครบรอบ 9 ปี การจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาส่วนงานต่างๆ ทั้งโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม ให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะความเป็นอยู่ของคนไทย ต้องครอบคลุมทุกมิติ และมีการกระจายรายได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมอย่างยั่งยืน เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ มีการจ่ายสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุเป็นแบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ ซึ่ง กอช. ในฐานะหน่วยงานภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงิน เพื่อให้ประชาชนที่อยู่นอกระบบแรงงาน หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่มีอายุ 15 - 60 ปี สามารถเริ่มออมตั้งแต่ 50 บาท แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และรัฐสมทบสูงสุด 100% แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี ได้มีเงินออม ไว้ใช้ในยามเกษียณ เพื่อความมั่นคงของชีวิตในช่วงสูงวัย จึงอยากให้ทุกภาคส่วน ร่วมกันแก้ปัญหา ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง +"การเริ่มออมจากตัวเอง นับเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยให้กลุ่มคนเหล่านี้ ได้มีเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ ไม่มากก็น้อย และต้องยอมรับว่า ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่มั่นใจว่า จะช่วยลดปัญหาคนไทยแก่แต่จนได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งช่วยลดภาระทางการคลังให้กับประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย" ดร.เผ่าภูมิ กล่าว +ภายในงาน มีการจัดเวทีเสวนา หัวข้อ "สลากเกษียณ วิชั่นใหม่ การออม รับสังคมสูงวัย" โดยมี ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ และพ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนผ่านเวทีเสวนา ที่จะชี้แจงในทุกประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ ทั้งเรื่องความเป็นมาและแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายสลากเกษียณ แผนงานส่งเสริมการออม ของ กอช. และบทบาทหน้าที่ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น โดยมีไฮไลท์สำคัญ คือ การเปิดตัวโครงการ สลากเกษียณ สัญจรทั่วไทย โดย กอช. +นอกจากนี้ภายในงานได้มีการจัดบูธกิจกรรมจากภาคีเครือข่ายและหน่วยงานต่างๆ อาทิ ทรูมันนี่ ,ธนาคารกรุงไทย ,ธนาคารออมสิน ,ธกส. ,ธอส. ,ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ,สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ,บสย. ,ทิสโก้ ,ทิพยประกันภัย และกยศ. เป็นต้น ในโอกาสนี้ คุณมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ ได้สนับสนุนของรางวัลเป็นโทรศัพท์มือถือ iphone 15 Pro ในการจัดกิจกรรมให้แก่ผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86528 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_12_582bc13a-067c-4eff-abbe-c227362dca8e.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_12_582bc13a-067c-4eff-abbe-c227362dca8e.txt" new file mode 100644 index 000000000..b09ceaef2 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_12_582bc13a-067c-4eff-abbe-c227362dca8e.txt" @@ -0,0 +1,16 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-SME D Bank คว้า 96.47 คะแนน ITA ปี 2567 ความเป็นเลิศปฏิบัติหน้าที่โปร่งใส มุ่งมั่นสร้างโอกาสเพื่อเอสเอ็มอีไทย + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +SME D Bank คว้า 96.47 คะแนน ITA ปี 2567 ความเป็นเลิศปฏิบัติหน้าที่โปร่งใส มุ่งมั่นสร้างโอกาสเพื่อเอสเอ็มอีไทย +SME D Bank คว้า 96.47 คะแนน ระดับ “ผ่านดี” ผลประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานหน่วยงานภาครัฐ หรือ ITA ปี 2567 จาก ป.ป.ช. เพิ่มขึ้น 4.51 จากปีที่ผ่านมา +SME D Bank คว้า 96.47 คะแนน ระดับ “ผ่านดี” ผลประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานหน่วยงานภาครัฐ หรือ ITA ปี 2567 จาก ป.ป.ช. เพิ่มขึ้น  4.51 จากปีที่ผ่านมา ผลจากความเป็นเลิศ การปฏิบัติหน้าที่  การใช้งบประมาณ  การใช้ทรัพย์สินราชการ และการแก้ไขปัญหาการทุจริต ได้ 100 คะแนนเต็ม พร้อมมุ่งมั่นสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง สมภาคภูมิแห่งการเป็นธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย +นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า SME D Bank ได้รับผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment) หรือ ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ที่ 96.47 คะแนน ซึ่งเป็นเกณฑ์ประเมินระดับ “ผ่านดี” ปรับเพิ่มขึ้น 4.51 จากปีงบประมาณ พ.ศ.2566 อยู่ที่ 91.96 คะแนน โดยเป็นผลมาจากความเป็นเลิศ ด้านตัวชี้วัด การปฏิบัติหน้าที่  การใช้งบประมาณ  การใช้ทรัพย์สินของราชการ และการแก้ไขปัญหาการทุจริต ที่ได้รับ 100 คะแนนเต็ม บ่งบอกถึงการดำเนินงานที่มีคุณธรรม  มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มแก่กิจการในระยะยาว รวมถึงสร้างความเชื่อมั่น คุ้มครองผลประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่ธนาคารยึดถือปฏิบัติอย่างจริงจัง +ทั้งนี้ ผลการประเมินดังกล่าว นับเป็นความภาคภูมิใจของชาว SME D Bank ตั้งแต่คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันประกาศเจตจำนงสุจริต ยึดหลักธรรมาภิบาลให้กับหน่วยงานที่ทำธุรกรรมกับธนาคารได้ทราบ และยึดถือปฏิบัติโดยทั่วกัน และที่สำคัญ มุ่งมั่นบทบาทการเป็น “ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย” ช่วยเหลือ และสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ผ่านกระบวนการ "พัฒนา เติมทุน ยั่งยืน" กล่าวคือ +“ด้านการพัฒนา" เชื่อมโยงหน่วยงานผนึกกำลังพันธมิตร ภาครัฐ เอกชน   ช่วยยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีครบวงจรให้ปรับตัวก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึง มีแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank อำนวยความสะดวกครบถ้วนในจุดเดียว นำเทคโนโลยีมาตอบความต้องการผู้ประกอบการไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชม. +“ด้านการเงิน” SME D Bank มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเอสเอ็มอี และเปิดกว้างทุกกลุ่มธุรกิจ สร้างโอกาสนำไปใช้ลงทุน ขยาย ปรับปรุง เสริมสภาพคล่อง และหมุนเวียน  รวมถึง อัตราดอกเบี้ยเป็นธรรม ช่วยให้ผู้ประกอบการวางแผนบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ +และ “ด้านความยั่งยืน” นำแนวทางเพิ่มผลิตภาพ (Productivity)  มาส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพิ่มศักยภาพธุรกิจ เช่น ช่วยลดต้นทุน สร้างมาตรฐาน เป็นต้น สอดรับแนวทาง ESG (Environment : ดูแลสิ่งแวดล้อม, Social : ความรับผิดชอบต่อสังคม และ Governance : การกำกับดูแลกิจการที่ดี)  ช่วยให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86530 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_13_594d9fc3-e0e0-4eaf-999a-c8c835447895.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_13_594d9fc3-e0e0-4eaf-999a-c8c835447895.txt" new file mode 100644 index 000000000..b19de6628 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_13_594d9fc3-e0e0-4eaf-999a-c8c835447895.txt" @@ -0,0 +1,16 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-บสย. ลุยค้ำประกันสินเชื่อ IGNITE THAILAND สอดรับนโยบายรัฐบาล ช่วย SMEs กลุ่มท่องเที่ยว-สุขภาพ-อาหาร เข้าถึงแหล่งทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +บสย. ลุยค้ำประกันสินเชื่อ IGNITE THAILAND สอดรับนโยบายรัฐบาล ช่วย SMEs กลุ่มท่องเที่ยว-สุขภาพ-อาหาร เข้าถึงแหล่งทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย +บสย.ผนึกธนาคารออมสิน เดินหน้าค้ำประกันสินเชื่อ IGNITE THAILAND วงเงินค้ำประกันรวม 5,000 ล้านบาท ฟรี! ค่าธรรมเนียม 2 ปีแรก ลดภาระผู้ประกอบการ หนุน SMEs กลุ่ม “ท่องเที่ยว-การแพทย์และสุขภาพ-อาหาร และ Supply Chain” +บสย. ผนึกธนาคารออมสิน เดินหน้าค้ำประกันสินเชื่อ IGNITE THAILAND วงเงินค้ำประกันรวม 5,000 ล้านบาท ฟรี! ค่าธรรมเนียม 2 ปีแรก ลดภาระผู้ประกอบการ หนุน SMEs กลุ่ม “ท่องเที่ยว-การแพทย์และสุขภาพ-อาหาร และ Supply Chain” เข้าถึงแหล่งเงินทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเติบโตระยะยาว +นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า บสย. ผนึกธนาคารออมสิน ค้ำประกันโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND วงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท สามารถค้ำประกันได้สูงสุด 10 ล้านบาทต่อราย สอดรับนโยบายของรัฐบาล และวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 สอดคล้องกับการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ในช่วงเดือน ม.ค. – มิ.ย. 2567 สูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ภาคบริการ 27.5% การผลิตสินค้าและการค้าอื่น ๆ 13.5% และ 3. อาหารและเครื่องดื่ม 9.6% +ภายใต้โครงการนี้ บสย. และธนาคารออมสิน มุ่งสนับสนุน SMEs กลุ่มอุตสาหกรรมตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. ศูนย์กลางการท่องเที่ยว 2. ศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ และ 3. ศูนย์กลางอาหาร และ Supply Chain ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ผ่านกลไกการค้ำประกันของ บสย. เติมสภาพคล่อง เพื่อโอกาสในการต่อยอดและพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจ +ทั้งนี้ ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก IGNITE THAILAND จะช่วยลดภาระผู้ประกอบการ SMEs ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปีแรก และปีที่ 3 – 4 จ่ายค่าธรรมเนียม 0.75% ต่อปี โดยธนาคารออมสิน คิดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน สามารถยื่นขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 +จากความร่วมมือในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,600 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 5.000 ล้านบาท และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 20,000 ล้านบาท รวมถึงรักษาการจ้างงานไม่น้อยกว่า 12,000 ตำแหน่ง ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้ในระยะยาว +สำหรับโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND ธนาคารออมสิน โดยมี บสย. ค้ำประกัน ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2567 มุ่งกระตุ้นประเทศเศรษฐกิจผ่านกลไกค้ำประกันสินเชื่อ ให้ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อสร้างการเติบโตให้กับผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86531 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_14_115003bc-4bb1-40b5-916a-25dfa2c2502c.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_14_115003bc-4bb1-40b5-916a-25dfa2c2502c.txt" new file mode 100644 index 000000000..e40658553 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_14_115003bc-4bb1-40b5-916a-25dfa2c2502c.txt" @@ -0,0 +1,16 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“มนพร” เดินหน้าแหลมฉบัง เฟส 3 ส่วนที่ 2 งานโครงสร้างพื้นฐาน - สิ่งอำนวยความสะดวก - ระบบโครงข่ายขนส่ง มั่นใจเปิดให้บริการได้ตามแผนในปี 2570 + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +“มนพร” เดินหน้าแหลมฉบัง เฟส 3 ส่วนที่ 2 งานโครงสร้างพื้นฐาน - สิ่งอำนวยความสะดวก - ระบบโครงข่ายขนส่ง มั่นใจเปิดให้บริการได้ตามแผนในปี 2570 +..... +วันนี้ (31 กรกฎาคม 2567) นางมนพร  เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานสักขีพยานการลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และบริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด ณ ห้องประชุมชั้น 19 อาคารที่ทำการ กทท. +นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้ กทท. ได้ลงนามสัญญาในโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 2 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนที่รัฐบาลให้ความสำคัญตามแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จึงถือเป็นความคืบหน้า ที่ดีในการผลักดันให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นประตูการค้าสู่การลงทุนในภูมิภาคเอเชีย พร้อมรองรับปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยจะเป็นการเริ่มงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค โครงข่ายและระบบการขนส่ง ต่อยอดจากการดำเนินงานส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นงานก่อสร้างทางทะเลที่อยู่ระหว่างเร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด +นางมนพร กล่าวต่อว่า จากนี้จะได้กำชับให้ กทท. กำกับ ควบคุม และดูแลการดำเนินงานในส่วนที่ 2 นี้ ให้สำเร็จตามกรอบเวลา เพื่อให้มีความพร้อมในการส่งมอบพื้นที่ได้ในเดือนพฤศจิกายน 2568 และสามารถเปิดให้บริการท่าเรือ F ได้ภายในสิ้นปี 2570 ซึ่งจะส่งผลให้ท่าเรือแหลมฉบังสามารถรองรับตู้สินค้าได้เพิ่มขึ้นอีก 4 ล้านทีอียูต่อปี รวมเป็น 15 ล้านทีอียูต่อปี จากเดิมที่ระยะที่ 1 และ 2 สามารถรองรับได้ 11 ล้านทีอียูต่อปี +นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ท่าเรือมีโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนโครงข่ายและระบบการขนส่งที่ต่อเนื่อง พร้อมรองรับการขยายตัวของปริมาณสินค้าทางเรือ การขนส่งสินค้าทางรถไฟ และสินค้าประเภทต่าง ๆ การดำเนินงานประกอบด้วยงานก่อสร้างหลักที่สำคัญ ได้แก่ งานระบบถนน งานอาคาร งานระบบสาธารณูปโภค งานท่าเทียบเรือชายฝั่ง และงานท่าเทียบเรือบริการ รวมถึงการวางระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่งสินค้าภายในประเทศด้วยการสร้างรางรถไฟเข้าไปถึงบริเวณหลังท่าเทียบเรือ ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางที่สำคัญที่จะทำให้การขนส่งตู้สินค้าทางรางมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากทางถนนมาสู่ทางรางและทางน้ำ รวมทั้งการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีท่าเรือสมัยใหม่ที่มีศักยภาพสูงตลอดจนการเป็นท่าเรือที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม อาทิ ระบบยกตู้สินค้าอัตโนมัติในลานกองตู้สินค้า ยานพาหนะแบบไร้คนขับ (Automated Guided Vehicle : AGV) ระบบการตรวจสอบและอ่านหมายเลขตู้สินค้าแบบอัตโนมัติ (Optical Character Recognition : OCR) เพื่อสแกนข้อมูลบนตู้สินค้าโดยอัตโนมัติ ลดความผิดพลาดในการนำส่งข้อมูล เป็นต้น โดยบริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งใน 90 กว่าสาขาทั่วโลกของ บริษัท China Harbour Engineering Company จะต้องปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 1,260 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจาก กทท. ให้เริ่มงาน +ด้าน Mr. Jiang Houliang กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคบริษัท China Harbour Engineering Company กล่าวว่า บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในงานก่อสร้างท่าเรือทั่วโลก รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในประเทศไทยมาอย่างยาวนานด้วยความพร้อมและความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมระดับสากล เชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ ให้เป็นไปอย่างมาตรฐาน และสำเร็จลุล่วงตามกรอบระยะเวลาตามสัญญาที่กำหนดได้อย่างแน่นอน +Mr. Wang Haiguang กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ครบรอบการก่อตั้งเป็นปีที่ 30 ครั้งหนึ่งได้เคยก่อสร้างท่าเทียบเรือให้กับบริษัท ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นท่าเทียบเรือที่ทันสมัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย และในปีนี้นับเป็นความภาคภูมิใจอีกครั้งที่ได้ร่วมดำเนินการโครงการฯ ที่เป็นเมกะโปรเจ็กต์ที่สำคัญของประเทศไทย +ทั้งนี้ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 มีการแบ่งงานก่อสร้างหลักภายใต้ความรับผิดชอบของ กทท. ออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างงานทางทะเล ดำเนินงานโดยกิจการร่วมค้า CNNC ซึ่งขณะนี้งานถมทะเลในภาพรวมมีความคืบหน้า 36% ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภคที่ได้มีการลงนามในวันนี้ ส่วนที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ และส่วนที่ 4 งานจัดหาเครื่องมือ พร้อมจัดหาและติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยงานส่วนที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างการจัดทำร่าง TOR คาดว่าจะสามารถประกาศประกวดราคาได้ภายในต้นปี 2568 +สำหรับการลงนามฯ ในครั้งนี้ มีนายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพันธ์ คุณากรวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รศ.ดร.คณิต วัฒนวิเชียร หัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์โครงการข้อตกลงคุณธรรมงานจ้างก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง คณะผู้แทนคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก คณะกรรมการ กทท. ผู้บริหาร กทท. ผู้บริหารบริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86532 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_15_b97490ce-9ad5-4d71-b46c-919a3a998cba.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_15_b97490ce-9ad5-4d71-b46c-919a3a998cba.txt" new file mode 100644 index 000000000..e86c10e18 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_15_b97490ce-9ad5-4d71-b46c-919a3a998cba.txt" @@ -0,0 +1,11 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-‘รองปลัดฯ อภัย’ ประชุม คกก.โคนมและผลิตภัณฑ์นม + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +‘รองปลัดฯ อภัย’ ประชุม คกก.โคนมและผลิตภัณฑ์นม +‘รองปลัดฯ อภัย’ ประชุม คกก.โคนมและผลิตภัณฑ์นม พร้อมเร่งรัดโครงการเพื่อช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมอย่างยั่งยืน +นายอภัย สุทธิสังข์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ 3/2567 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่   องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ตลอดจนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยที่ประชุมเห็นชอบร่างโครงการช่วยเหลือเกษตรกรโคนมภายใต้วิกฤติอาหารสัตว์ราคาแพง เพื่อช่วยเหลือองค์กรเกษตรกรโคนมและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเข้าถึงแหล่งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการบริหารจัดการด้านอาหารสัตว์ ทั้งอาหารข้นและอาหารหยาบบริการแก่สมาชิกในราคาที่เหมาะสม ต่ำกว่าราคาตามท้องตลาดทั่วไป และให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการจัดการอาหารสัตว์ในฟาร์ม ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการฟาร์มเพื่อลดต้นทุนการผลิต ระยะเวลาดําเนินการ 3 ปี (2567 – 2569) โดยมี 2 กิจกรรมหลัก คือ 1. ลดต้นทุนการผลิตโคนมด้านอาหารสัตว์ และ 2. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคนม นอกจากนี้ ยังเห็นชอบร่างโครงการช่วยเหลือราคาน้ำนมดิบแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน โดยสมทบค่าน้ำนมดิบเป็นระยะเวลา 90 วัน ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมปศุสัตว์ปรับปรุงแก้ไขในรายละเอียดตามข้อคิดเห็นของคณะกรรมการฯ ในที่ประชุม และเสนอโครงการฯ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อเสนอของบกลางต่อไป +พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้รายงานความก้าวหน้าภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โคนมและผลิตภัณฑ์นม เรื่องการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมรายย่อย ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เพื่อสนองพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร โดยในระยะเร่งด่วน พิจารณาจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมรายย่อย รวมทั้งดำเนินการฟื้นฟูสหกรณ์โคนมทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์โคนมวาริชภูมิ สหกรณ์โคนมหนองโพ สหกรณ์โคนมชะอำห้วยทราย สหกรณ์โคนมไทยเดนมาร์ค สาขาป่าเด็ง สหกรณ์โคนมไทยเดนมาร์ค ห้วยสัตว์ใหญ่ สหกรณ์โคนมไทยเดนมาร์คมิตรภาพ และสหกรณ์โคนมทุ่งเสลี่ยม เพื่อจัดการด้านต้นทุนอาหารสัตว์และขับเคลื่อนการผลิตอาหารข้นราคาถูกให้เป็นรูปธรรม พร้อมทั้งสนับสนุนด้านวิชาการ ให้คำแนะนำ +สำหรับสถานการณ์สินค้าโคนมและผลิตภัณฑ์นมในประเทศ ประจำไตรมาสที่ 2/2567 เดือนมิถุนายน ดังนี้ 1) ด้านการผลิต คาดว่าปริมาณน้ำนมดิบปี 2567 รวมทั้งหมดเป็น 1,079 พันตัน/ปี มูลค่า 22,660 ล้านบาท เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 16,500 ราย ฟาร์มโคนมที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP 6,322 ฟาร์ม (267,813 ตัว) โคนมทั้งหมด 307,194 ตัว 2) ด้านการแปรรูป ปริมาณน้ำนมดิบที่มี MOU ระหว่างผู้เลี้ยงกับผู้ประกอบการปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.65 - ก.ย.67) จำนวน 2,983 ตัน/วัน ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 205 ศูนย์ (ผ่าน GMP 186 ศูนย์ ผ่าน GAP 14 ศูนย์) และ 3) ด้านการตลาด ผลผลิตน้ำนมดิบทั้งหมดเข้าสู่อุตสาหกรรมแปรรูปนมพร้อมดื่มและนมโรงเรียน ความต้องการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมมีปริมาณเพิ่มขึ้น การประกาศราคารับซื้อตามคุณภาพของ Milk Board ส่งผลให้ราคาน้ำนมดิบที่เกษตรกรขายได้หน้าฟาร์มมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำนมโคที่เกษตรกรขายได้ ไตรมาสที่ 2/2567 (เม.ย.-มิ.ย.) เฉลี่ย 20.95 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีแล้วที่ร้อยละ 8.36 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาร้อยละ 2.05 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86533 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_16_78c63d35-5761-4d8f-920c-112b53576464.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_16_78c63d35-5761-4d8f-920c-112b53576464.txt" new file mode 100644 index 000000000..a043f7fab --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_16_78c63d35-5761-4d8f-920c-112b53576464.txt" @@ -0,0 +1,9 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-รองปลัด กษ. เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการป้องกันแก้ไขหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน (Mudaria spp.) ในทุเรียนส่งออกไปจีน + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +รองปลัด กษ. เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการป้องกันแก้ไขหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน (Mudaria spp.) ในทุเรียนส่งออกไปจีน +รองปลัด กษ. เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการป้องกันแก้ไขหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน (Mudaria spp.) ในทุเรียนส่งออกไปจีน +นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการป้องกันแก้ไขหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน (Mudaria spp.) ในทุเรียนส่งออกไปจีน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1403 และผ่านระบบ Zoom Meeting โดยในที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา มาตรการระยะสั้น และมาตรการระยะยาว ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และมีมติมอบหมาย กรมวิชาการเกษตร บูรณาการความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตรในการให้ความรู้แก่เกษตรกร ป้องกันกำจัด สำรวจ เฝ้าระวัง และจัดทำแผนที่การแพร่ระบาดของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนในพื้นที่ปลูกเพื่อดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องต่อไป + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86537 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_17_96dddaa0-38b8-40b6-9075-8bc35642acd4.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_17_96dddaa0-38b8-40b6-9075-8bc35642acd4.txt" new file mode 100644 index 000000000..24c28087a --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_17_96dddaa0-38b8-40b6-9075-8bc35642acd4.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ศูนย์ Command Center ภัยพิบัติฯ สรุปสถานการณ์อุทกภัยบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคม ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 (ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 - 30 กรกฎาคม 2567) + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +ศูนย์ Command Center ภัยพิบัติฯ สรุปสถานการณ์อุทกภัยบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคม ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 (ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 - 30 กรกฎาคม 2567) +.... +นายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยคมนาคม กล่าวว่า ตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเปิด “ศูนย์ Command Center ภัยพิบัติกระทรวงคมนาคม” เพื่อเป็นศูนย์บัญชาการสั่งการ รับแจ้งเหตุ ประสานข้อมูล การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในและภายนอกกระทรวงคมนาคม พร้อมบูรณาการการรายงานผลการให้ความช่วยเหลือประชาชน และรองรับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะส่งผลต่อการเดินทาง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาสั่งการและแก้ไขปัญหาได้ทันที พร้อมทั้งมอบให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมได้เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย และรายงานผลกระทบจากอุทกภัยต่อการคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ โดยศูนย์ฯ ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคม ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น. (ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 - 30 กรกฎาคม 2567) ดังนี้ +1. โครงการข่ายคมนาคมที่ได้รับผลกระทบ รวม 49 สายทาง 67 แห่ง ผ่านได้ 64 แห่ง         ไม่สามารถผ่านได้ 3 แห่ง (ลดลงจากวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 จำนวน 5 แห่ง ซึ่งมีสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ/สามารถสัญจรได้แล้ว) โดยสรุปแยกตามประเภทโครงข่าย ดังนี้ ถนนทางหลวง ได้รับผลกระทบ 14 สายทาง 24 แห่ง ผ่านได้เป็นปกติทั้ง 24 แห่ง ถนนทางหลวงชนบท ได้รับผลกระทบ 35 สายทาง 43 แห่ง ผ่านได้ 40 แห่ง (ผ่านได้เป็นปกติ 38 แห่ง เฝ้าระวัง 2 แห่ง) ไม่สามารถผ่านได้ 3 แห่ง ได้แก่ 1) ตร.5044 จังหวัดตราด 2) ตก.3002 จังหวัดตาก และ 3) จบ.5020 จังหวัดจันทบุรี กรมทางหลวงชนบท จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร +2. จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมี 15 จังหวัด โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบสูงสุด 3 จังหวัดแรก ได้แก่ จังหวัดตราด ได้รับผลกระทบ 20 แห่ง จังหวัดตาก 12 แห่ง และจังหวัดมหาสารคาม 9 แห่ง ส่วนสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ ท่าเรือ และท่าอากาศยาน ไม่มีการรายงานการได้รับผลกระทบแต่อย่างใด +ทั้งนี้ ประชาชนผู้ประสบเหตุอุทกภัยสามารถติดต่อขอรับการช่วยเหลือจากกระทรวงคมนาคมได้ที่สายด่วน (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) ได้แก่ สายด่วน 1356 กระทรวงคมนาคม สายด่วน 1586 กรมทางหลวง สายด่วน 1146 กรมทางหลวงชนบท สายด่วน 1690 การรถไฟแห่งประเทศไทย และสายด่วน 1199 กรมเจ้าท่า + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86538 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_18_3c1d96a9-bd32-411f-b1e0-209385e44bfe.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_18_3c1d96a9-bd32-411f-b1e0-209385e44bfe.txt" new file mode 100644 index 000000000..1c34a3b82 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_18_3c1d96a9-bd32-411f-b1e0-209385e44bfe.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ผู้ตรวจฯ เอกนิติ ร่วมประชุมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจากจีน หารือแนวทางส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวในประเทศไทย + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +ผู้ตรวจฯ เอกนิติ ร่วมประชุมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจากจีน หารือแนวทางส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวในประเทศไทย +ผู้ตรวจฯ เอกนิติ ร่วมประชุมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจากจีน หารือแนวทางส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวในประเทศไทย +เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 นายเอกนิติ รมยานนท์  ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสหกรรรม พร้อมด้วย นางนิตยา พิระภัทรุ่งสุริยา ที่ปรึกษาสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เข้าร่วมประชุมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจากจีน นำโดย Mr.Ding Zhijun อธิบดีกรมเจรจาด้านพลังงานและทรัพยากร กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (Ministry of Industry and Information of China: MIIT) และองค์การสหประชาชาติเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรม United Nations Industrial Development Organization (UNIDO) เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวในประเทศไทย การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ทางเทคโนโลยีการทำความเย็นชั้นสูงในภาคอุตสาหกรรมไฟฟ้า อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีทำความเย็นมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ +ผู้ตรวจฯ เอกนิติ กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม หรือ Ministry of Industry มีชื่อย่อ MIND นั้น หมายถึง “จิตใจ” ที่ใช้ขับเคลื่อนงานต้องให้ใจในการทำงาน  การทำงานดีด้วย 'หัว' และ 'ใจ' ของคนกระทรวงอุตสาหกรรม ผลักดันนโยบายและการดำเนินงานอย่างรอบด้านและบูรณาการ ซึ่ง อก. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการเสริมสร้างอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry)และการกระจายรายได้สู่ชุมชน รวมถึงการลดปริมาณคาร์บอนจากภาคอุตสาหกรรม โดยได้จัดโครงการ “อุตสาหกรรมรวมใจ ลดคาร์บอนไทย 7.2 ล้านตัน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อประชาชนชาวไทย ตลอดจนเสริมสร้างจิตสำนึกของการเป็นผู้ให้โดยสนับสนุน ส่งเสริมสถานประกอบการให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม สามารถอยู่ด้วยกันกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน ภายใต้นโยบาย MIND ใช้ ‘หัว’ และ ‘ใจ’ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน เพื่อให้สถานประกอบการอุตสาหกรรมเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน ผ่าน 4 มิติ ได้แก่ ความสำเร็จทางธุรกิจ ความอยู่ดีกับสังคมโดยรวม ความลงตัวกับกติกาสากล และการกระจายรายได้สู่ชุมชนที่ตั้ง โดยตั้งเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมได้ประมาณ 7.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 +สำหรับฝ่ายจีน Mr.Ding กล่าวว่า จีนมีแนวทางการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกับไทย และเน้นย้ำความสำคัญการพัฒนาโครงการภายใต้ความร่วมมือใต้–ใต้ (South-South Cooperation) หรือ ความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน อก.เป็นหน่วยงานสำคัญในการผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ทั้งโครงการ “อุตสาหกรรมรวมใจ ลดคาร์บอนไทย 7.2 ล้านตัน” อุตสาหกรรมสีเขียว การพัฒนายานยนต์ EV และการพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดสำหรับ SMEs และ Start Up โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีสีเขียวและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายความร่วมมือและการสนับสนุนทั้งทางวิชาการและความช่วยเหลือร่วมกันต่อไป + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86542 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_19_253b1fa9-bf35-41bd-80a4-2e43c2da3344.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_19_253b1fa9-bf35-41bd-80a4-2e43c2da3344.txt" new file mode 100644 index 000000000..455d37f7a --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_19_253b1fa9-bf35-41bd-80a4-2e43c2da3344.txt" @@ -0,0 +1,11 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ปลัดเกษตรฯ หารือแนวทางการแก้ไขลำไยทั้งระบบ + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +ปลัดเกษตรฯ หารือแนวทางการแก้ไขลำไยทั้งระบบ +ปลัดเกษตรฯ หารือแนวทางการแก้ไขลำไยทั้งระบบ เร่งประสานกระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการด้านการตลาดสินค้าลำไยอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำระบบเกษตรพันธสัญญา เป็นแนวทางในการสร้างความเชื่อมั่นและความเข้มแข็งทางธุรกิจให้กับเกษตรกร +นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการผลผลิตลำไยคุณภาพ ครั้งที่ 2/2567 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบการประชุมทางไกล (Zoom Meeting) โดยที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการแก้ไขลำไยทั้งระบบ ได้แก่ 1) การตั้งคณะกรรมการหรือหน่วยงานภาครัฐกำหนดมาตรการทางกฎหมายในการรับซื้อลำไยสดช่อ 2) การรับซื้อลำไยแบบตะแกรงร่อนให้เป็นไปตามราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ 3) การติดป้ายราคารับซื้อลำไยสดและลำไยร่อนร่วง ซึ่งทั้ง 3 ข้อ ที่ประชุมได้มอบหมายคณะทำงานพัฒนาตลาดและการตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ลำไย ประสานกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการกำกับติดตามและพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการด้านการตลาดสินค้าลำไยดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ 4) การทำสัญญาซื้อ-ขาย ผลผลิตลำไยทั้งสวนหรือเป็นกิโลกรัม ให้มีหน่วยงานหรือองค์กรกำกับดูแลในการทำนิติกรรมสัญญาซื้อ-ขาย ซึ่งสามารถทำได้โดยอ้างอิงระบบเกษตรพันธสัญญา มีสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมดูแล ทั้งนี้ ระบบเกษตรพันธสัญญาจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และความเข้มแข็งทางธุรกิจของประเทศให้สามารถแข่งขันตลาดการค้าเสรีได้ และ 5) การสนับสนุนด้านองค์ความรู้และงบประมาณการทำโรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซต์, ห้องรมกำมะถัน, ห้องเย็นเก็บผลผลิต และส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตเชิงอุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงการวิจัยลำไย ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้เสนอโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการตลาดสินค้าลำไยในสถาบันเกษตรกรฤดูการผลิต ปี 2567 โดยที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 3/2567 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว +สำหรับการคาดการณ์สถานการณ์การผลิตลำไย ปี 2567 โดยปริมาณผลผลิต คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล รวมทั้งประเทศ จำนวน 1,432,727 ตัน แบ่งเป็น ในฤดู 695,656 ตัน และนอกฤดูกาล 737,071 ตัน เนื้อที่ให้ผล คาดว่าจะลดลงจากปีที่แล้ว โดยมีเนื้อที่รวม 1,656,355 ไร่ เนื่องจากแหล่งผลิตสำคัญในภาคเหนือและภาคกลาง เกษตรกรโค่นต้นลำไยอายุมากให้ผลผลิตน้อยไปปลูกพืชอื่นทดแทน เช่น ทุเรียน เงาะ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และยางพารา ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นเพียงพอตั้งแต่ปลายปี 2566 จนถึงต้นปี 2567 ส่งผลให้ลำไยแทงช่อดอกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับในปีที่แล้วลำไยราคาดี จึงจูงในให้เกษตรกรใช้สารกระตุ้นการออกดอก และบำรุงต้นลำไยเพิ่มขึ้น +นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการตลาดสินค้าลำไยในสถาบันเกษตรกร ฤดูกาลผลิต ปี 2567 และโครงการสนับสนุนการกระจายผลไม้เพื่อยกระดับราคาของสถาบันเกษตรกร ปี 2567 รวมถึง Model การกระจายผลผลิตลำไยในฤดูกาล โดยกรมส่งเสริมการเกษตรและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ร่วมกันเป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าลำไย แนวทางการจำหน่ายผลผลิตผ่านแผนกธุรกิจของ อ.ต.ก. และการจำหน่ายสินค้าผ่าน Modern trade หรือช่องทางออนไลน์ต่อไป + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86544 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_1_9968774e-5b38-46d2-8251-f83768d43c20.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_1_9968774e-5b38-46d2-8251-f83768d43c20.txt" new file mode 100644 index 000000000..39c2fb38d --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_1_9968774e-5b38-46d2-8251-f83768d43c20.txt" @@ -0,0 +1,10 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-กรมทางหลวง เร่งสอบเหตุเศษแผ่นเหล็กร่วงหล่นใส่กระโปรงรถยนต์บนถนนพระราม 2 สั่งผู้รับจ้างหยุดงาน 3 วัน + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +กรมทางหลวง เร่งสอบเหตุเศษแผ่นเหล็กร่วงหล่นใส่กระโปรงรถยนต์บนถนนพระราม 2 สั่งผู้รับจ้างหยุดงาน 3 วัน +..... +นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่เหตุเศษแผ่นเหล็กหล่นร่วงใส่กระโปรงรถยนต์ด้านหน้าฝั่งซ้าย บริเวณสะพานลอยแยกวัดปากบ่อบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระรามที่ 2) นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 11.45 น. ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาการดำเนินงานก่อสร้างที่ได้กำหนดไว้ (เวลา 20.00 - 05.00 น.) เบื้องต้นสาเหตุเกิดจากคนงานได้เก็บแผ่นเหล็กกองไว้ด้านบนของโครงการฯ แต่ด้วยสภาพอากาศแปรปรวน และมีลมพัดแรง ส่งผลให้เศษแผ่นเหล็กหล่นร่วงลงมา ทำให้รถยนต์ที่อยู่ด้านล่างได้รับความเสียหาย และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ บริษัทผู้รับจ้างได้เยียวยาผู้เสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมทั้งสั่งหยุดงานเป็นเวลา 3 วัน เพื่อตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง รวมถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นโดยละเอียด ขณะเดียวกันหากตรวจสอบพบว่า ผู้รับจ้างละเลยการปฏิบัติตามมาตราการความปลอดภัย ให้ดำเนินการลงโทษผู้รับจ้างตามกฎหมาย รวมทั้งตัดคะแนน ซึ่งจะส่งผลต่อการเข้าร่วมประมูลโครงการในครั้งต่อไป +อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวง ยืนยันว่าได้ดำเนินโครงการตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุด อีกทั้งได้กำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตรวจสอบทุกโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนสูงสุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก และไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหรือผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อประชาชนผู้ใช้ทางด้วย + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86498 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_20_47c35c09-8299-4229-a322-fab65180874b.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_20_47c35c09-8299-4229-a322-fab65180874b.txt" new file mode 100644 index 000000000..b5a4ee4a9 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_20_47c35c09-8299-4229-a322-fab65180874b.txt" @@ -0,0 +1,11 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ปลัดเกษตรฯ หารือแนวทางการแก้ไขลำไยทั้งระบบ + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +ปลัดเกษตรฯ หารือแนวทางการแก้ไขลำไยทั้งระบบ +ปลัดเกษตรฯ หารือแนวทางการแก้ไขลำไยทั้งระบบ เร่งประสานกระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการด้านการตลาดสินค้าลำไยอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำระบบเกษตรพันธสัญญา เป็นแนวทางในการสร้างความเชื่อมั่นและความเข้มแข็งทางธุรกิจให้กับเกษตรกร +นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการผลผลิตลำไยคุณภาพ ครั้งที่ 2/2567 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบการประชุมทางไกล (Zoom Meeting) โดยที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการแก้ไขลำไยทั้งระบบ ได้แก่ 1) การตั้งคณะกรรมการหรือหน่วยงานภาครัฐกำหนดมาตรการทางกฎหมายในการรับซื้อลำไยสดช่อ 2) การรับซื้อลำไยแบบตะแกรงร่อนให้เป็นไปตามราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ 3) การติดป้ายราคารับซื้อลำไยสดและลำไยร่อนร่วง ซึ่งทั้ง 3 ข้อ ที่ประชุมได้มอบหมายคณะทำงานพัฒนาตลาดและการตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ลำไย ประสานกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการกำกับติดตามและพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการด้านการตลาดสินค้าลำไยดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ 4) การทำสัญญาซื้อ-ขาย ผลผลิตลำไยทั้งสวนหรือเป็นกิโลกรัม ให้มีหน่วยงานหรือองค์กรกำกับดูแลในการทำนิติกรรมสัญญาซื้อ-ขาย ซึ่งสามารถทำได้โดยอ้างอิงระบบเกษตรพันธสัญญา มีสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมดูแล ทั้งนี้ ระบบเกษตรพันธสัญญาจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และความเข้มแข็งทางธุรกิจของประเทศให้สามารถแข่งขันตลาดการค้าเสรีได้ และ 5) การสนับสนุนด้านองค์ความรู้และงบประมาณการทำโรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซต์, ห้องรมกำมะถัน, ห้องเย็นเก็บผลผลิต และส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตเชิงอุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงการวิจัยลำไย ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้เสนอโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการตลาดสินค้าลำไยในสถาบันเกษตรกรฤดูการผลิต ปี 2567 โดยที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 3/2567 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว +สำหรับการคาดการณ์สถานการณ์การผลิตลำไย ปี 2567 โดยปริมาณผลผลิต คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล รวมทั้งประเทศ จำนวน 1,432,727 ตัน แบ่งเป็น ในฤดู 695,656 ตัน และนอกฤดูกาล 737,071 ตัน เนื้อที่ให้ผล คาดว่าจะลดลงจากปีที่แล้ว โดยมีเนื้อที่รวม 1,656,355 ไร่ เนื่องจากแหล่งผลิตสำคัญในภาคเหนือและภาคกลาง เกษตรกรโค่นต้นลำไยอายุมากให้ผลผลิตน้อยไปปลูกพืชอื่นทดแทน เช่น ทุเรียน เงาะ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และยางพารา ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นเพียงพอตั้งแต่ปลายปี 2566 จนถึงต้นปี 2567 ส่งผลให้ลำไยแทงช่อดอกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับในปีที่แล้วลำไยราคาดี จึงจูงในให้เกษตรกรใช้สารกระตุ้นการออกดอก และบำรุงต้นลำไยเพิ่มขึ้น +นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการตลาดสินค้าลำไยในสถาบันเกษตรกร ฤดูกาลผลิต ปี 2567 และโครงการสนับสนุนการกระจายผลไม้เพื่อยกระดับราคาของสถาบันเกษตรกร ปี 2567 รวมถึง Model การกระจายผลผลิตลำไยในฤดูกาล โดยกรมส่งเสริมการเกษตรและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ร่วมกันเป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าลำไย แนวทางการจำหน่ายผลผลิตผ่านแผนกธุรกิจของ อ.ต.ก. และการจำหน่ายสินค้าผ่าน Modern trade หรือช่องทางออนไลน์ต่อไป + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86545 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_21_3d9da118-bdb8-46f6-8a37-9d80a1c3ba25.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_21_3d9da118-bdb8-46f6-8a37-9d80a1c3ba25.txt" new file mode 100644 index 000000000..7f803ce17 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_21_3d9da118-bdb8-46f6-8a37-9d80a1c3ba25.txt" @@ -0,0 +1,9 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​"ทปษ.บุญสิงห์" เป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาสมาชิกสร้างการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลกิจการสหกรณ์เพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +​"ทปษ.บุญสิงห์" เป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาสมาชิกสร้างการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลกิจการสหกรณ์เพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน +​"ทปษ.บุญสิงห์" เป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาสมาชิกสร้างการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลกิจการสหกรณ์เพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเป็นกลุ่มสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรบ้านร่องส้านจำกัด จังหวัดพะเยา +นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกล่าวเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาสมาชิกสร้างการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลกิจการสหกรณ์เพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นกลุ่มสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรบ้านร่องส้าน จำกัด จำนวน 150 ราย ณ องค์การบริหารส่วนตำบลร่มเย็น อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา พร้อมทั้งลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรบ้านร่องส้าน จำกัด ในการรับซื้อ การแปรรูป และการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนแนะนำแนวทางการพัฒนาต่อไป + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86547 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_22_da3710e4-0b6a-4d4e-90d2-81a0d1272146.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_22_da3710e4-0b6a-4d4e-90d2-81a0d1272146.txt" new file mode 100644 index 000000000..0c1ab8dc6 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_22_da3710e4-0b6a-4d4e-90d2-81a0d1272146.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ปลัดฯ ณัฐพล ร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน มุ่งขับเคลื่อนระบบพลังงานให้มีความมั่นคง ยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +ปลัดฯ ณัฐพล ร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน มุ่งขับเคลื่อนระบบพลังงานให้มีความมั่นคง ยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล +ปลัดฯ ณัฐพล ร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน มุ่งขับเคลื่อนระบบพลังงานให้มีความมั่นคง ยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล +31 กรกฎาคม 2567 ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ครั้งที่ 3/2567 เพื่อร่วมพิจารณาแนวทางและมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานของประเทศ มุ่งขับเคลื่อนให้ระบบพลังงานมีความมั่นคง ยั่งยืน และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและผู้บริโภค โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในการประชุมฯ ณ ห้องประชุม อาคารพิบูลธรรม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้โปรแกรม Zoom Meeting +โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาการปรับปรุงหลักการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง และขยะอุตสาหกรรม ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565 –2573 เพื่อส่งเสริมการลงทุนในภาคส่วนนี้มากยิ่งขึ้น การปรับเลื่อนกำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 –2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) ในช่วงปี พ.ศ. 2564 –2573 (ปรับปรุงเพิ่มเติม) และแนวทางการกำหนดราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) จากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดต้นทุนค่าครองชีพของประชาชน + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86548 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_2_c8d21f63-5214-478f-96bf-260a864b15c9.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_2_c8d21f63-5214-478f-96bf-260a864b15c9.txt" new file mode 100644 index 000000000..7d0a69ed4 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_2_c8d21f63-5214-478f-96bf-260a864b15c9.txt" @@ -0,0 +1,25 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-กระทรวงอุตฯ คิกออฟ “รางวัลอุตสาหกรรม” ประจำปี 2567 ชวนผู้ประกอบการชิงรางวัลแห่งเกียรติยศภาคอุตสาหกรรมไทย เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +กระทรวงอุตฯ คิกออฟ “รางวัลอุตสาหกรรม” ประจำปี 2567 ชวนผู้ประกอบการชิงรางวัลแห่งเกียรติยศภาคอุตสาหกรรมไทย เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ +กระทรวงอุตฯ คิกออฟ “รางวัลอุตสาหกรรม” ประจำปี 2567 ชวนผู้ประกอบการชิงรางวัลแห่งเกียรติยศภาคอุตสาหกรรมไทย เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ +กรุงเทพฯ 29 กรกฎาคม 2567 – ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ชวนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเข้าร่วมสมัครเข้ารับการคัดเลือก “รางวัลอุตสาหกรรม” ประจำปี 2567 (The Prime Minister’s Industry Award 2024) รางวัลแห่งเกียรติยศภาคอุตสาหกรรมไทย จำนวน 14 ประเภทรางวัล พิเศษกับรางวัล “ทูตอุตสาหกรรมภาคเอกชน” (MIND Ambassador) ซึ่งผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติและผ่านการคัดเลือกจะได้รับประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัลเกียรติยศจาก “นายกรัฐมนตรี” สำหรับ “รางวัลอุตสาหกรรม” เป็นส่วนสำคัญในการสร้างรากฐานภาคอุตสาหกรรมไทยให้มีความแข็งแกร่ง พัฒนาผู้ประกอบการให้มีศักยภาพสามารถแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลก และสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2567 โดยประกาศผลเดือนตุลาคม 2567 +ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้จัดประชุมคณะทำงานพิจารณาคัดเลือกอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี พ.ศ.2567 ครั้งที่ 1/ 2567 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ณ ห้องประชุมชุณหะวัณ ชั้น 3 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมกำหนดกรอบแนวคิด และทิศทางการทำงานตามนโยบาย “MIND” ที่มุ่งพัฒนา “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ ที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน” และกำหนดกรอบรายละเอียดของเกณฑ์การพิจารณาต่าง ๆ ภายใต้แนวทางการปรับอุตสาหกรรมเข้าสู่วิถีใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญในการยกระดับทุกองค์ประกอบของภาคอุตสาหกรรม ควบคู่กับการสร้างความเข้มแข็ง และการกระจายรายได้สู่ชุมชน ด้วย “หัว” และ “ใจ” เพื่อให้สามารถเฟ้นหาแบบอย่างโรงงานอุตสาหกรรม หรือ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เก่งและดี สามารถอยู่คู่กับชุมชนได้อย่างเป็นมิตร และยั่งยืน +ดร.ณัฐพล กล่าวว่า การประชุมดังกล่าว ถือเป็นการเปิดตัวการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมประจำปี +พ.ศ. 2567 (The Prime Minister’s Industry Award 2024) อย่างเป็นทางการ โดยมุ่งเน้นการให้รางวัลกับสถานประกอบการที่มีความวิริยอุตสาหะในการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่อุตสาหกรรมอื่น ๆ อันจะนำมาซึ่งการพัฒนามาตรฐาน และการประกอบการในด้านต่าง ๆ อย่างมีศักยภาพ รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ภายใต้ข้อกำหนดของกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 14 ประเภทรางวัล ประกอบด้วย +1. รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม (The Prime Minister’s Best Industry Award) จำนวน 1 รางวัล +ซึ่งคัดเลือกจากสถานประกอบการที่เคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ประเภท และ +เป็นสถานประกอบการที่มีการพัฒนาศักยภาพขีดความสามรถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีมาตรฐาน +การผลิตในระดับสากล และมีความเป็นเลิศทั้งในด้านการผลิต การบริหารจัดการ การตลาด และการลงทุน +มีการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมทั้งนวัตกรรมมาใช้ในการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของตนเอง +และสามารถสร้างการพัฒนาให้กับอุตสาหกรรมในภาพรวมได้อย่างชัดเจน +2. รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น (The Prime Minister’s Industry Award) แบ่งเป็น 9 ประเภท ประกอบด้วย 1) ประเภทการเพิ่มผลผลิต 2) ประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 3) ประเภทการบริหารความปลอดภัย 4) ประเภทการบริหารงานคุณภาพ 5) ประเภทการจัดการพลังงาน 6) ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน 7) ประเภทอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต 8) ประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม และ 9) ประเภทเศรษฐกิจหมุนเวียน +3. รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น (The Prime Minister’s Small and Medium Industry Award) แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) ประเภทการบริหารจัดการที่ดี 2) ประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ 3) ประเภทการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม และ 4) ประเภทการบริหารธุรกิจสู่สากล +ในปีนี้กระทรวงอุตสาหกรรมยังมีรางวัลพิเศษที่ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว คือ ทูตอุตสาหกรรมภาคเอกชน หรือ MIND Ambassador เพื่อมอบให้แก่สถานประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี พ.ศ. 2567 ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม พร้อมตำแหน่ง ทูตอุตสาหกรรมภาคเอกชน (MIND Ambassador) โดยได้ร่วมดำเนินงานในการยกระดับภาคอุตสาหกรรม ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ของกระทรวงอุตสาหกรรม อาทิ ให้การสนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อการจัดตั้งวิสาหกิจเริ่มต้น สร้างโอกาสให้เจ้าของไอเดียธุรกิจที่พร้อมจะเป็นผู้ประกอบการใหม่หรือวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของภาคอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน และถ่ายทอดเทคโนโลยีที่สามารถช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชนโดยรอบสถานประกอบการให้ดีขึ้น รวมถึงร่วมเป็นคณะกรรมการจัดงานรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2567 +ดร.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเชิญชวนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเข้าร่วมสมัครเข้ารับคัดเลือก “รางวัลอุตสาหกรรม” ประจำปี 2567 (The Prime Minister’s Industry Award 2024) รางวัลแห่งเกียรติยศภาคอุตสาหกรรมไทย ซึ่งผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติและผ่านการคัดเลือกจะได้รับประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัลเกียรติยศจากนายกรัฐมนตรี สำหรับ “รางวัลอุตสาหกรรม” เป็นส่วนสำคัญในการสร้างรากฐานภาคอุตสาหกรรมไทยให้มีความแข็งแกร่ง พัฒนาผู้ประกอบการให้มีศักยภาพสามารถแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลก และสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้ง ยังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวหน้า พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าอุตสาหกรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดสากล ตลอดจนพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป +ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสมัครคัดเลือกได้มากกว่า 1 ประเภท ตั้งแต่บัดนี้ – 16 สิงหาคม 2567 โดยประกาศผลเดือนตุลาคม 2567 และมอบรางวัลเดือนธันวาคม 2567 พร้อมรับฟังการชี้แจงรายละเอียด คุณสมบัติและหลักเกณฑ์การพิจารณาฯ ในวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2567 เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสามารถดูรายละเอียดการรับสมัครได้ที่https://industryaward.industry.go.th/ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 02430 6873 ต่อ 1678 หรือศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ 1 - 11 และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https://industryaward.industry.go.th/ ดร.ณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86503 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_3_3ba2b294-88e9-4fb4-b6f4-7f7947ca7342.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_3_3ba2b294-88e9-4fb4-b6f4-7f7947ca7342.txt" new file mode 100644 index 000000000..e4ed6ec22 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_3_3ba2b294-88e9-4fb4-b6f4-7f7947ca7342.txt" @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-รัฐบาลจัดให้! รมต.พิมพ์ภัทรา หนุนเอสเอ็มอีเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมสีเขียว มอบ SME D Bank ปล่อยสินเชื่อ “SME Green Productivity” 15,000 ลบ. ดีเดย์ ส.ค.นี้ + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +รัฐบาลจัดให้! รมต.พิมพ์ภัทรา หนุนเอสเอ็มอีเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมสีเขียว มอบ SME D Bank ปล่อยสินเชื่อ “SME Green Productivity” 15,000 ลบ. ดีเดย์ ส.ค.นี้ +รัฐบาลจัดให้! รมต.พิมพ์ภัทรา หนุนเอสเอ็มอีเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมสีเขียว มอบ SME D Bank ปล่อยสินเชื่อ “SME Green Productivity” 15,000 ลบ. ดีเดย์ ส.ค.นี้ +มติ ครม. เห็นชอบตามการขับเคลื่อนของ รมต.อุตสาหกรรม“พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” ไฟเขียวโครงการ “SME Green Productivity” วงเงิน 15,000 ลบ. หนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ 3% ใน 3 ปีแรก   เพื่อยกระดับเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างราบรื่น สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน มอบหมาย SME D Bank เป็นเจ้าภาพหลัก ผนึกพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน ดำเนินการปล่อยกู้ภายในเดือน ส.ค. นี้ +นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยกระดับสู่อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 เห็นชอบและอนุมัติโครงการสินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงิน 15,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ  สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ นำไปเพิ่มผลิตภาพ ลดต้นทุน พัฒนายกระดับเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่อุตสาหกรรมสีเขียวได้อย่างราบรื่น  ที่สำคัญ  ช่วยให้การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย สามารถตอบโจทย์กติกาการค้าโลกยุคปัจจุบัน แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคอุตสาหกรรม ลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขับเคลื่อนกิจการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างอนาคตที่สดใสและยั่งยืน +นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ SME D Bank ในฐานะหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนในโครงการสินเชื่อ “SME Green Productivity”  ซึ่งเป็นสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน เปิดกว้างกู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 3% ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน และไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำ โดยกำหนดจะเปิดยื่นคำขอกู้ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2567 นี้ +ทั้งนี้ กำหนดกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ต้องการติดตั้งระบบหรืออุปกรณ์ต่อเนื่องเพื่อปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตหรือเครื่องจักร รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ หรือลดการใช้พลังงาน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีกระบวนการผลิตหรือเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ผ่านการพัฒนาหรือยกระดับด้านผลิตภาพ (Productivity) จากหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและเอกชนที่ธนาคารกำหนด    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86507 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_4_48fb8123-c267-42ff-a324-07ed9b616194.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_4_48fb8123-c267-42ff-a324-07ed9b616194.txt" new file mode 100644 index 000000000..ca8e36734 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_4_48fb8123-c267-42ff-a324-07ed9b616194.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ธ.ก.ส. จัดใหญ่ จับรางวัลชำระดีมีโชค ระดับประเทศ มอบโชคส่งท้ายกว่า 54 ล้านบาท + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +ธ.ก.ส. จัดใหญ่ จับรางวัลชำระดีมีโชค ระดับประเทศ มอบโชคส่งท้ายกว่า 54 ล้านบาท +ธ.ก.ส. จัดงานจับรางวัลโครงการชำระดีมีโชค ระดับประเทศ มอบโชคส่งท้ายกว่า 54 ล้านบาท จำนวน 5,360 รางวัล โดยมีเกษตรกรลูกค้าที่ได้รับสิทธิ์จากการชำระหนี้และการชำระต้นเงินสะสม ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 – 30 มิถุนายน 2567 จำนวนกว่า 2.97 ล้านราย +ธ.ก.ส. จัดเต็ม จัดงานจับรางวัลโครงการชำระดีมีโชค ระดับประเทศ มอบโชคส่งท้ายกว่า 54 ล้านบาท จำนวน 5,360 รางวัล ทั้งรถยนต์กระบะ รถจักรยานยนต์ และ Gift voucher ธ.ก.ส. เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการชำระหนี้และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างวินัยการชำระหนี้ให้กับเกษตรกรลูกค้า เพื่อมุ่งลดภาระหนี้และแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน โดยมีเกษตรกรลูกค้าที่ได้รับสิทธิ์จากการชำระหนี้และการชำระต้นเงินสะสม ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 – 30 มิถุนายน 2567 จำนวนกว่า 2.97 ล้านราย +นายสุนัน พงศ์ประยูร ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานในงานออกรางวัลโครงการชำระดีมีโชค ระดับประเทศ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเกษตรกรลูกค้าในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างวินัยในการชำระหนี้ อันนำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งในการจับรางวัลครั้งนี้ ธนาคารจะนำสิทธิ์ที่ลูกค้าชำระหนี้ มารวมกับสิทธิ์ที่ลูกค้าชำระต้นเงินสะสม ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 – 30 มิถุนายน 2567 ซึ่งในครั้งนี้ มีเกษตรกรลูกค้าได้รับสิทธิ์ในการลุ้นโชค จำนวน 2.97 ล้านราย รางวัลรวม 5,360 รางวัล ประกอบด้วย รถยนต์กระบะ Toyota Hilux Revo Z edition จำนวน 10 รางวัล รถจักรยานยนต์ Yamaha Finn UBS version 2023 จำนวน 100 รางวัล และบัตร Gift Voucher ธ.ก.ส. มูลค่า 100,000 บาท จำนวน 50 รางวัล มูลค่า 30,000 บาท จำนวน 300 รางวัล มูลค่า 10,000 บาท จำนวน 900 รางวัล และมูลค่า 5,000 บาท จำนวน 4,000 รางวัล คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 54 ล้านบาท โดยการออกรางวัลมอบโชคลูกค้า ธ.ก.ส. ในโครงการชำระดีมีโชค ตั้งแต่ครั้งที่ 1 จนถึงครั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการดำเนินการหมุนเลขรางวัลให้กับผู้โชคดี คิดเป็นจำนวนรางวัลทั้งสิ้น 48,000 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 483 ล้านบาท ซึ่งทุกรางวัล ธ.ก.ส. มุ่งส่งเสริมการประกอบอาชีพ และการนำโชคที่ได้รับมาลดภาระหนี้สิน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน อาทิ รถยนต์กระบะนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจและขนส่งสินค้าทางการเกษตร Gift voucher ธ.ก.ส. นำมาชำระเงินกู้ของ ธ.ก.ส. ทั้งการชำระหนี้ของตนเองหรือบุคคลในครอบครัว การนำไปซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ของ ธ.ก.ส. เช่น สลากออมทรัพย์ สลากดิจิทัล ผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต การซื้อสินค้าในร้าน A-Shop (เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) โดยมี ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานกรรมการในการออกรางวัล ณ อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 30-31 กรกฎาคม 2567 +ทั้งนี้ ธ.ก.ส. จะประกาศรายชื่อผู้โชคดีผ่านทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile เว็บไซต์ www.baac.or.th และติดประกาศ ณ สาขา ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ ภายใน 15 วันหลังจากการออกรางวัล โดยลูกค้าที่ร่วมลุ้นรางวัลในแต่ละรอบจะได้รับรางวัลมูลค่าสูงสุดเพียง 1 รางวัล และสามารถติดต่อยืนยันสิทธิ์ได้ที่ ธ.ก.ส. สาขาที่ทำสัญญาเงินกู้ โดยนำบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา 1 ชุด มายืนยันภายในวันและเวลาทำการ ภายใน 90 วัน หลังจากประกาศรายชื่อ สำหรับรางวัลรถยนต์กระบะ สามารถรับรางวัลได้ที่ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ รางวัลรถจักรยานยนต์ สามารถรับได้ที่สำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดที่ท่านมีรายชื่ออยู่และ Gift Voucher ธ.ก.ส. สามารถรับได้ที่ ธ.ก.ส. สาขาที่ท่านเป็นลูกค้า ทั้งนี้ หากเลยกำหนด ธนาคารจะถือว่าสละสิทธิ์และจะนำรางวัลไปมอบแก่องค์กรการกุศลต่อไป โดยรางวัลดังกล่าว ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นรางวัลอื่นหรือเงินสดได้ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86518 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_5_00e93885-d31f-4b3c-98ac-1aab1a5ee02d.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_5_00e93885-d31f-4b3c-98ac-1aab1a5ee02d.txt" new file mode 100644 index 000000000..35172c5d9 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_5_00e93885-d31f-4b3c-98ac-1aab1a5ee02d.txt" @@ -0,0 +1,29 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-SME D Bank ยกทัพโปรแกรมเสริมแกร่งเอสเอ็มอี ตลอดเดือนสิงหาคม มอบบริการครบวงจร “พัฒนา เติมทุน ยั่งยืน” ติดปีกธุรกิจเดินหน้าไม่มีสะดุด + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +SME D Bank ยกทัพโปรแกรมเสริมแกร่งเอสเอ็มอี ตลอดเดือนสิงหาคม มอบบริการครบวงจร “พัฒนา เติมทุน ยั่งยืน” ติดปีกธุรกิจเดินหน้าไม่มีสะดุด +SME D Bank ยกขบวน “พัฒนา เติมทุน ยั่งยืน” สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเพิ่มศักยภาพธุรกิจ คว้าโอกาส มีมาตรฐาน เข้าถึงผู้บริโภค ดันยอดขาย เติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดเดือนสิงหาคม 2567 ผ่าน 18 โปรแกรมสุดพิเศษ +ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ยกขบวน “พัฒนา เติมทุน ยั่งยืน” สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเพิ่มศักยภาพธุรกิจ คว้าโอกาส มีมาตรฐาน เข้าถึงผู้บริโภค ดันยอดขาย เติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดเดือนสิงหาคม 2567 ผ่าน 18 โปรแกรมสุดพิเศษ ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมได้ฟรี ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (https://dx.smebank.co.th/) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357 +1. สนับสนุนเชื่อมโยงขยายเครือข่าย ต่อยอดธุรกิจ ในกิจกรรม “Mini CEO Network” ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.67-2 ส.ค.67 ณ โรงแรมแกรนด์ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช +2. โครงการ “SME Smart Up” ยกระดับสินค้าด้วยมาตรฐานและการเข้าถึงโอกาส สนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการเศรษฐกิจฐานราก ปี 2567 วันที่ 2 ส.ค.67 ณ ห้องประชุมชลลดา ชั้น 2 โรงแรมเดอะรีเจ้นท์-โฮเทล กรุงเทพฯ +3. สัมมนา “เพิ่มยอดขาย TikTok ด้วยผู้ช่วยขายออนไลน์ TikTok AFFILIATE” วันที่ 1 ส.ค.67 ณ โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น จ.ขอนแก่น , วันที่ 13 ส.ค.67 ณ โรงแรมเฮอริเทจ แกรนด์ คอนเวนชั่น จ.ระนอง , วันที่ 15 ส.ค.67 ณ โรงแรมเลอเอราวัณ จ.พังงา และวันที่ 16 ส.ค.67 ณ โรงแรมกระบี่ ฟอร์น เบย์ รีสอร์ท จ.กระบี่ +4. สร้างยอดขาย คว้ากำไร เข้าถึงผู้บริโภค กิจกรรม “Get Started With TikTok On Tour”  วันที่ 7 ส.ค. 67 ณ โรงแรม วิศมา จ.ราชบุรี และวันที่ 24 ส.ค. 67   ณ โรงแรม โกลเด้น ซิตี้ ระยอง จ.ระยอง +5. ตอบโจทย์โดนใจผู้บริโภค กิจกรรม “Mission สร้างนักขายออนไลน์” วันที่ 7 ส.ค.67 ณ โรงแรมท็อปแลนด์ จ.พิษณุโลก +6. สัมมนา “ติดปีกเอสเอ็มอีไทย ขยายโอกาสด้วยมาตรฐานฮาลาล” ยกระดับ เพิ่มศักยภาพ รองรับความต้องการผู้บริโภคอาหารฮาลาลทั่วโลก วันที่ 7 ส.ค.67 ณ ห้อง Grand Mandarina Ballroom ชั้น 2 โรงแรมสยามแมนดาริน่า จ.สมุทรปราการ +7. SME D Bank ร่วมออกบูธ พาถึงสินเชื่อ ในงาน “เปิดกล่องของขวัญเพื่อ SMEs ปี 2567” จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วันที่ 9 ส.ค.67 ณ ห้องแม่สอดบอลรูม ชั้น 1 โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ แม่สอด จ.ตาก และวันที่ 30 ส.ค.67 ณ ห้องศรีสกล A โรงแรมเอ็ม เจ เดอะมาเจสติค จ.สกลนคร +8. ยกทัพโปรโมชันเพื่อเอสเอ็มอีไทยแดนอีสาน ในงาน “Money Expo โคราช” ครั้งที่ 18 (Money Expo Korat 2024)  นำเสนอ สินเชื่อเอสเอ็มอีครอบคลุมทุกธุรกิจ หมายเลขที่บูธ D1  วันที่ 9-11 สิงหาคม 2567 ณ เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์โคราช จ.นครราชสีมา +9. โครงการ “SME D ให้ใจ” พัฒนาเอสเอ็มอี กลยุทธ์ลดต้นทุน เสริมแกร่งธุรกิจ วันที่ 7 ส.ค.67 ณ โรงแรมบรรจงบุรี จ.สุราษฎร์ธานี , วันที่ 14 ส.ค.67 ณ โรงแรมรัตนชล จ.ชลบุรี และวันที่ 21 ส.ค.67 ณ โรงแรมเพชรรัชต์  จ.ร้อยเอ็ด +10. กิจกรรม “HKTDC Food Expo Pro” สยายปีกธุรกิจเอสเอ็มอี นำเสนอสินค้าไทยสู่ต่างชาติ ระหว่างวันที่ 15-17 ส.ค.67 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Centre เขตบริหารพิเศษฮ่องกง +11. พบบริการต่าง ๆ จาก SME D Bank ในงาน “TILOG-LOGISTIX” ยกระดับจัดการคลังสินค้าและขนส่งสินค้า ด้วยเทคโนโลยีและบริการ วันที่ 15-16 ส.ค.67 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ +12. มอบบริการด้านการเงินและการพัฒนาจาก SME D Bank ในงานสัมมนา “Thailand Wellness and Healthcare 2024” ขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ และการแพทย์ของโลก วันที่ 17 ส.ค.67 ณ Hall 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ +13. กิจกรรม “ปักตะกร้า สร้างรายได้ TikTok Shop” ครั้งที่ 2 วันที่ 19 ส.ค.67 เดอะแฟร์เฮาส์ บีช รีสอร์ทแอนด์ โฮเต็ล (เกาะสมุย) จ.สุราษฎร์ธานี และครั้งที่ 3 วันที่ 19 ส.ค.67 ณ โรงแรมมรกตทวิน จ.ชุมพร +14. สัมมนา “ควบคุมต้นทุนดี ผู้รับเหมา SME โตได้” แนะนำการใช้งาน BUILK.COM ช่วยเอสเอ็มอีรับเหมาเพิ่มกำไรยอดขายเติบโต  วันที่ 20 ส.ค.67 ณ โรงแรมฟอร์จูน จ.นครราชสีมา +15.สัมมนา “สูตรลับสร้างเงิน ธุรกิจร้านอาหาร” วันที่ 22 ส.ค.67 ณ โรงแรมสยามธารา จ.มหาสารคาม +16. โปรโมชันเติมทุนคู่พัฒนา ในงาน “Thailand Smart Money สุราษฎร์ธานี 2024” วันที่ 23-25 ส.ค.67 ณ ชั้น G เซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี +17. เชิญชิม ช้อป สินค้าดีจากสุดยอดเอสเอ็มอีไทย พร้อมเชื่อมโยงต่อยอดธุรกิจในงาน “SMEs มีดีให้ดู” จากความร่วมของ SME D Bank กับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) วันที่ 28-30 ส.ค.67  ณ ลานโถงด้านล่าง อาคารเบญจรังกฤษฎ์ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) กรุงเทพฯ +18. SME D Bank ร่วมออกบูธนำเสนผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการพัฒนา ในงานแสดงสินค้าและประชุมสัมมนาระดับนานาชาติด้านฮาลาล “WORD HAPEX Thailand 2024” วันที่ 29 ส.ค.-1 ก.ย.67 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86519 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_6_b47d5eb4-b64a-4217-9667-fbebaf62b0cc.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_6_b47d5eb4-b64a-4217-9667-fbebaf62b0cc.txt" new file mode 100644 index 000000000..23ef83658 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_6_b47d5eb4-b64a-4217-9667-fbebaf62b0cc.txt" @@ -0,0 +1,16 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ธอส. ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC1 – DC2) ดูแลลูกค้ากลุ่ม SM / NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก เพื่อรักษาบ้านของตนเองได้ต่อไป + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +ธอส. ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC1 – DC2) ดูแลลูกค้ากลุ่ม SM / NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก เพื่อรักษาบ้านของตนเองได้ต่อไป +ธอส. จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จำนวน 2 มาตรการ ช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่ยังคงได้รับผลกระทบด้านรายได้ให้ได้รับความช่วยเหลือนานสูงสุด 2 ปี +ธอส. ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC1 – DC2) ดูแลลูกค้ากลุ่ม SM / NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก เพื่อรักษาบ้านของตนเองได้ต่อไป +ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จำนวน 2 มาตรการ ช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่ยังคงได้รับผลกระทบด้านรายได้ให้ได้รับความช่วยเหลือนานสูงสุด 2 ปี โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวดลง ประกอบด้วย (1) “มาตรการช่วยเหลือ DC1” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM, NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอกที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี +100 บาท เป็นระยะเวลา 2 ปี และ (2) “มาตรการ ช่วยเหลือ DC2” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอกที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 4 เดือน โดยผ่อนชำระเงินงวดเริ่มต้น 4 เดือนแรกเพียง 1,000 บาท ลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 +นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” นอกจากจะสนับสนุนให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.4 ล้านครอบครัว  ธอส. ยังพร้อมช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าที่ยังคงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ที่มีผลให้รายได้ของลูกค้าและความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดลดลง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงได้จัดทำ“มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ” ให้ความช่วยเหลือลูกค้านานสูงสุด 2 ปี จำนวน 2 มาตรการ ประกอบด้วย +1. มาตรการช่วยเหลือ “DC1” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM, ลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี สามารถผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 3.55% ต่อปี และ +100 บาท เป็นระยะเวลา 2 ปี กรณีลูกค้าชำระเกินกว่าที่ธนาคารกำหนด ให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี) 2. มาตรการช่วยเหลือ “DC2” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 4 เดือนแรก 0% ต่อปี โดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน, เดือนที่ 5-8 ผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 1.90% เพียง 50% และ +100 บาท และเดือนที่ 9 - 12 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 3.90% เพียง 50% และ +100 บาท กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี) ทั้งนี้ ดอกเบี้ย 50% ของงวดที่ 5-12 ธนาคารจะพักชำระไว้ เมื่อลูกค้าผ่อนชำระครบตามเงื่อนไขจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 50% ช่วงที่อยู่ในมาตรการ +“การจัดทำมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของ ธอส. ในภาวะที่ลูกค้าได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือลูกค้าให้ได้มีบ้านเป็นของตนเองแล้ว ยังช่วยลูกค้ารักษาบ้านของตนเองได้ต่อไป ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้ ในภาพรวมจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ขยายตัวดีขึ้นตามไปด้วย ” นายกมลภพ กล่าว +สำหรับลูกค้าที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการข้างต้น สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ผ่านทาง Application : GHB ALL BFRIEND โดยลูกค้าจะต้อง Upload หลักฐานยืนยันการได้รับผลกระทบทางรายได้เพื่อให้ธนาคารพิจารณาด้วย ส่วนกรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถกรอกข้อมูลเพื่อแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ที่สาขาทั่วประเทศ โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86520 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_7_a49bc419-e2f3-409a-86dc-545ad51d474e.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_7_a49bc419-e2f3-409a-86dc-545ad51d474e.txt" new file mode 100644 index 000000000..1e646d6bb --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_7_a49bc419-e2f3-409a-86dc-545ad51d474e.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-กรุงไทย เอาใจลูกค้าธุรกิจ โอนเงินต่างประเทศ ลดค่าธรรมเนียม 50% ไม่จำกัดจำนวนครั้ง + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +กรุงไทย เอาใจลูกค้าธุรกิจ โอนเงินต่างประเทศ ลดค่าธรรมเนียม 50% ไม่จำกัดจำนวนครั้ง +ธ.กรุงไทย จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าธุรกิจโอนเงินต่างประเทศผ่าน Krungthai BUSINESS WARP รับส่วนลดค่าธรรมเนียม 50% ทุกรายการ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย. 2567 +ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสนับสนุนธุรกิจ SME ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ล่าสุด จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าธุรกิจโอนเงินต่างประเทศผ่าน Krungthai BUSINESS WARP รับส่วนลดค่าธรรมเนียม 50% ทุกรายการ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย. 2567 +Krungthai BUSINESS WARP โอนเงินมั่นใจ ปลายทางรับเงินเต็มจำนวน สามารถเลือกโอนออกจากบัญชีเงินบาทหรือบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม Krungthai BUSINESS หรือธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ครอบคลุมการชำระเงินได้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก สำหรับลูกค้าธุรกิจที่ทำรายการโอนเงินประเภท Charge OUR (เก็บค่าธรรมเนียมธนาคารต่างประเทศจากผู้ขอโอน) ในวงเงินการโอนน้อยกว่า 200,000 USD หรือสกุลเงินอื่นเทียบเท่าต่อรายการ รับส่วนลดค่าธรรมเนียม 50% ทุกรายการ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2567 ลูกค้าธุรกิจที่ทำรายการผ่านช่องทาง Krungthai BUSINESS สามารถโอนเงินได้ 9 สกุลเงินหลัก ได้แก่ USD, GBP, EUR, AUD, CAD, HKD, SGD, JPY และ NZD  สำหรับลูกค้าที่สะดวกทำรายการผ่านช่องทางสาขาของธนาคาร สามารถเลือกโอนได้ 7 สกุลเงินตรงกับประเทศปลายทาง (Local Currency) USD, GBP, EUR, AUD, CAD, HKD และ SGD +สำหรับ ลูกค้าธุรกิจที่สนใจ ติดต่อ เจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าธุรกิจสัมพันธ์ หรือผู้ชำนาญการธุรกิจต่างประเทศ (ทีม Trade Solutions) หรือ Krungthai Corporate Contact Center  02-111-9999 ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://krungthai.com/link/businesswarpdiscount-pr + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86521 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_8_586f07f3-32b6-49a1-ba71-e57ec5289883.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_8_586f07f3-32b6-49a1-ba71-e57ec5289883.txt" new file mode 100644 index 000000000..efcc5d1af --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_8_586f07f3-32b6-49a1-ba71-e57ec5289883.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ออมสิน คว้ารัฐวิสาหกิจอันดับ 1 จาก ITA Awards 2024 ด้วยคะแนน 98.96 + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +ออมสิน คว้ารัฐวิสาหกิจอันดับ 1 จาก ITA Awards 2024 ด้วยคะแนน 98.96 +ธนาคารออมสินรับรางวัลโล่เกียรติยศ ITA Awards 2024 สำหรับหน่วยงานที่มีคะแนนผลการประเมินสูงสุดของกลุ่มรัฐวิสาหกิจ ด้วยคะแนน 98.96 ระดับผ่านดีเยี่ยม สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของรัฐวิสาหกิจที่เข้าร่วมรับการประเมินทั้งหมด 51 หน่วยงาน +นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินประสบความสำเร็จได้รับรางวัลโล่เกียรติยศ ITA Awards 2024 สำหรับหน่วยงานที่มีคะแนนผลการประเมินสูงสุดของกลุ่มรัฐวิสาหกิจ ด้วยคะแนน 98.96 ระดับผ่านดีเยี่ยม สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของรัฐวิสาหกิจที่เข้าร่วมรับการประเมินทั้งหมด 51 หน่วยงาน จากพลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประธานในงานประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และพิธีมอบรางวัล ITA Awards 2024 (ITA DAY 2024 : Transparency with Quality) และยังได้รับรางวัลประกาศนียบัตรเกียรติคุณ ITA Awards สำหรับหน่วยงานที่มีผลการประเมิน “ผ่านดีเยี่ยม” ด้วย ซึ่งนับเป็นเกียรติของธนาคารออมสิน ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล มีการกำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี ประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณ นโยบายป้องกันและปราบปรามการทุจริต นโยบายป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และประกาศเจตจำนงสุจริต รวมถึงประกาศนโยบายไม่ให้ ไม่รับกระเช้าของขวัญ หรือสิ่งตอบแทนรูปแบบใด ๆ แก่ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างธนาคารออมสิน ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียของธนาคารด้วย +สำหรับกลยุทธ์สู่ความสำเร็จของธนาคารออมสินจนได้รับคะแนนสูงสุดในครั้งนี้ เกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจของคณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างธนาคารทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส เต็มความสามารถ อย่างมีความรับผิดชอบ ไม่มีการเรียกรับสินบนเพื่อแลกกับการปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่แบบสอบถามจากลูกค้า ผู้รับบริการ ผู้มาติดต่อ หรือผู้มีส่วนได้เสีย ตอบตรงกันว่าเจ้าหน้าที่ของธนาคารปฏิบัติงานเป็นไปตามมาตรฐาน ขั้นตอน และระยะเวลาที่กำหนดอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งธนาคารมีการสื่อสารข้อมูลต่อสาธารณชนผ่านช่องทางต่าง ๆ สามารถเข้าถึงได้ง่าย ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน รวมถึงเปิดโอกาสให้สามารถรับฟังคำติชม ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน หรือข้อมูลการทุจริต นอกจากนี้ ธนาคารมีการพัฒนาด้านการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์มีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น บุคคลภายนอกสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงานให้เกิดความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น และมีการเปิดเผยข้อมูลความโปร่งใสครบถ้วนตามตัวชี้วัดที่ สำนักงาน ป.ป.ช. กำหนด ผ่านหน้าเว็บไซต์ให้สาธารณชนได้รับทราบ การได้รับรางวัลครั้งนี้จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าธนาคารออมสินสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินงานอย่างมีคุณธรรมและโปร่งใส สมบทบาทธนาคารเพื่อสังคมที่มุ่งสร้างผลลัพธ์เชิงบวกทั้งต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ตามกรอบแนวคิด ESG +ทั้งนี้ การมอบรางวัลดังกล่าวสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) จัดขึ้น เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศได้รับทราบถึงสถานะและปัญหาการดำเนินงานด้านคุณธรรมและความโปร่งใสขององค์กร สามารถนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน การให้บริการ และยกระดับมาตรฐานการดำเนินงาน โดยในปีนี้มีหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมการประเมิน ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 8,325 แห่งทั่วประเทศ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86522 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_9_13bfdbb9-f904-4d47-8c3b-8c1f856b7062.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_9_13bfdbb9-f904-4d47-8c3b-8c1f856b7062.txt" new file mode 100644 index 000000000..351fb7703 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210_9_13bfdbb9-f904-4d47-8c3b-8c1f856b7062.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ธอส. สร้าง/ซ่อมที่อยู่อาศัย ณ จังหวัดสมุทรสงคราม และ จังหวัดสมุทรสาคร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +ธอส. สร้าง/ซ่อมที่อยู่อาศัย ณ จังหวัดสมุทรสงคราม และ จังหวัดสมุทรสาคร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 +ธอส. ส่งมอบบ้านตามโครงการ “ธอส. สร้าง/ซ่อมที่อยู่อาศัย เพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” +ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ส่งมอบบ้านตามโครงการ “ธอส. สร้าง/ซ่อมที่อยู่อาศัย เพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี  มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ในพื้นที่ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม และในพื้นที่ตำบลมหาชัย ตำบลโกรกกราก และตำบลท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร +นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ได้ดำเนินโครงการ “ธอส.สร้าง/ซ่อมที่อยู่อาศัย เพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” โดยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ธอส. ได้รับเกียรติจาก นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมด้วย นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ประธานกรรมการธนาคาร และนายธะเรศ โปษยานนท์ กรรมการธนาคาร ส่งมอบบ้านสร้าง จำนวน 1 หลัง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม และในโอกาสเดียวกันนี้ ธอส. ยังได้รับเกียรติจาก นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรรมการธนาคาร เป็นประธานส่งมอบบ้านสร้าง/ซ่อม จำนวน 6 หลัง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ตำบลมหาชัย ตำบลโกรกกราก และตำบลท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร โดยในการดำเนินโครงการสร้าง/ซ่อมที่อยู่อาศัยฯ นี้ ธอส. ได้รับความร่วมมือจากองค์การบริหารส่วนตำบลลาดใหญ่ จังหวัดสมุทรสงคราม และองค์การบริหารส่วนตำบลมหาชัย ตำบลโกรกกราก ตำบลท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร ในการคัดเลือกประชาชนกลุ่มเป้าหมายเพื่อเข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี ธอส. ได้สนับสนุนให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.4 ล้านครอบครัว ควบคู่กับการดำเนินงานด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม  เพื่อร่วมยกระดับและสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชนให้สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างยั่งยืน ในปี 2567 ธอส. ได้ดำเนินโครงการ  “ธอส.สร้าง/ซ่อม ที่อยู่อาศัย เพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” โดยสนับสนุนสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ รวมจำนวน 135 หลัง เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธอส. ได้สนับสนุนการสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยมาแล้วกว่า 4,700 หลัง ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของธนาคาร ควบคู่กับการดำเนินภารกิจหลักในการสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน ตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86524 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_1_a14de6a2-8d18-4ab0-99f0-63a401725a37.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_1_a14de6a2-8d18-4ab0-99f0-63a401725a37.txt" new file mode 100644 index 000000000..82995b7d2 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_1_a14de6a2-8d18-4ab0-99f0-63a401725a37.txt" @@ -0,0 +1,18 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ส่งออกข้าวไทย ครึ่งแรกปี 67 “ทะลุ 1.1 แสนล้านบาท” เดินหน้าเจาะตลาด ฟิลิปปินส์ ลงนามแล้วกว่า 2,800 ล้านบาท + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +ส่งออกข้าวไทย ครึ่งแรกปี 67 “ทะลุ 1.1 แสนล้านบาท” เดินหน้าเจาะตลาด ฟิลิปปินส์ ลงนามแล้วกว่า 2,800 ล้านบาท +...... +ส่งออกข้าวไทย ครึ่งแรกปี 67 “ทะลุ 1.1 แสนล้านบาท” เดินหน้าเจาะตลาด ฟิลิปปินส์ ลงนามแล้วกว่า 2,800 ล้านบาท +. +รัฐบาลส่งเสริมคุณภาพและการส่งออกข้าวไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดย 6 เดือนแรกของปี 2567 ส่งออกข้าวรวม 4.79 ล้านตัน มูลค่ารวม 111,738 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 17.98% มูลค่าเพิ่มขึ้น 47.46% ราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 23,327 บาท เพิ่มขึ้น 24.98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน +. +เตรียมแผนรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ โดย ฟิลิปปินส์ ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมาย เนื่องจากได้ลดอัตราภาษีนำเข้าเหลือ 15% ถึงปี 2571 เพราะมีความต้องการนำเข้าข้าวสูง เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค.67 กระทรวงพาณิชย์ได้นำทีมผู้แทนการค้าข้าวไปเจรจาและลงนามบันทึกความเข้าใจ 9 ฉบับ รวม 130,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท +. +อ่านเพิ่มเติม คลิก >> https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86301 +. +#ไทยคู่ฟ้า #สื่อสารรัฐบาลไทย +------------------- + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86504 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_2_d79d3685-8ef2-448c-8980-67de212fc91e.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_2_d79d3685-8ef2-448c-8980-67de212fc91e.txt" new file mode 100644 index 000000000..7890609ea --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_2_d79d3685-8ef2-448c-8980-67de212fc91e.txt" @@ -0,0 +1,28 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-อนุมัติ 275 ล้าน ดัน “มวยไทย” สู่ระดับโลก คาด สร้างรายได้กว่า 2 พันล้านบาท + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +อนุมัติ 275 ล้าน ดัน “มวยไทย” สู่ระดับโลก คาด สร้างรายได้กว่า 2 พันล้านบาท +...... +อนุมัติ 275 ล้าน ดัน “มวยไทย” สู่ระดับโลก คาด สร้างรายได้กว่า 2 พันล้านบาท +. +ครม. (30 ก.ค.67) อนุมัติ งบกลางปี 2567 จำนวน 275.65 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการ MUAYTHAI SOFT POWER ปี 2567 ซึ่งประกอบด้วย 6 โครงการ คือ +1. พัฒนาองค์ความรู้มวยไทย +2. เพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพของบุคลากรในวงการกีฬามวย +3. จัดการแข่งขันมวยไทย เพื่อสร้างกระแสความตื่นตัว และกระตุ้นเศรษฐกิจ +4. ประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทย ทั้งในและต่างประเทศ +5. รับรองมาตรฐานมวยไทย สู่การสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ +6. กำกับ ติดตาม ประเมิน และรายงานผล +. +ตั้งเป้า ยกระดับจาก ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ สู่การเป็น ศิลปะการต่อสู่ระดับโลก +ให้นักกีฬา ครู เทรนเนอร์ และผู้ประกอบการ มวยไทย มีโอกาสแข่งขัน และถ่ายทอดวิชาความรู้ เพื่อเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมสู่ระดับนานาชาติ +. +คาดว่า จะสร้างรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทย 2,234 ล้านบาท +สร้างการรับรู้สู่ 190 ประเทศทั่วโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาประเทศไทย +. +อ่านเพิ่มเติม คลิก >> https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86459 +. +#ไทยคู่ฟ้า #สื่อสารรัฐบาลไทย +------------------- + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86505 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_3_6d7925f9-ac02-4466-ab7d-94fbc6993eb0.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_3_6d7925f9-ac02-4466-ab7d-94fbc6993eb0.txt" new file mode 100644 index 000000000..adaa6b450 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_3_6d7925f9-ac02-4466-ab7d-94fbc6993eb0.txt" @@ -0,0 +1,19 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ หนุนพัฒนา “Smart Farmer” ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +นายกฯ หนุนพัฒนา “Smart Farmer” ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย +...... +นายกฯ หนุนพัฒนา “Smart Farmer” ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย +. +นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินหน้าสนับสนุนภาคเกษตรกรรมไทย สู่การเป็น Smartเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผนวกการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตต่อเนื่อง +. +ซึ่งการไปสู่จุดมุ่งหมายเน้นการพัฒนาใน 4 ด้าน คือ ลดต้นทุนการผลิต /เพิ่มคุณภาพมาตรฐานการผลิตสินค้า /ลดความเสี่ยงจากการระบาดของศัตรูพืชและภัยธรรมชาติ และส่งผ่านความรู้ เน้นผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัยต่อ ผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม +. +ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น โดรนเพื่อการเกษตร เครื่องจักรการเกษตร แปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมถึงบริหารจัดการวัตถุดิบ เทคโนโลยีการผลิต ควบคุมคุณภาพ และจัดหาตลาดในและต่างประเทศทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มีกองทุนพัฒนา SME เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาด รวมถึงส่งเสริมการนำวัสดุเหลือใช้จากภาคเกษตรกรรมมาใช้เป็นพลังงานทดแทน สามารถนำคาร์บอนเครดิตไปขาย สร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ถือเป็นการเดินหน้าทำตามความตั้งใจเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น 3 เท่า ใน 4 ปี ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยให้ดีขึ้น +. +อ่านเพิ่มเติม คลิก https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86429 +#ไทยคู่ฟ้า #สื่อสารรัฐบาลไทย +------------------- + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86506 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_1_d18e8e40-5c93-4b31-a232-758407d29419.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_1_d18e8e40-5c93-4b31-a232-758407d29419.txt" new file mode 100644 index 000000000..51e0c3ed7 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_1_d18e8e40-5c93-4b31-a232-758407d29419.txt" @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-อว. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +อว. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 +...... +อว. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ทุกหน่วยงานในสังกัดรวมใจเฉลิมพระเกียรตินำศักยภาพช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน +เมื่อวันที่ 30 ก.ค. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 และสำนักนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนหน่วยงานเสนอโครงการฯ จัดส่งให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ นั้น สำนักงานปลัดกระทรวง อว.(สป.อว.) ได้เชิญชวนหน่วยงานในสังกัดและกำกับเสนอโครงการเข้าร่วมเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีหน่วยงานฯ ได้เสนอโครงการรวมจำนวนทั้งสิ้น 27 โครงการ และ สป.อว.ได้จัดส่งโครงการดังกล่าวถึงสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาโครงการของกระทรวง อว. และให้ความเห็นชอบเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ แล้วจำนวน 23 โครงการ +รมว.กระทรวง อว. กล่าวต่อว่า โครงการของกระทรวง อว. ที่ผ่านความเห็นชอบให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน 23 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่หน่วยงานในสังกัด และร่วมใจกันจัดเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมกันทั่วประเทศ โดยโครงการที่เสนอโดยสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มี 3 โครงการหลัก คือ 1. โครงการจิตอาสาทำความดี “ทุกยูนิต รวมหัวใจ ชาว อว.พร้อมใจบริจาคโลหิต” 2.โครงการปลูกต้นไม้ และ 3. โครงการเดิน วิ่ง ปั่น เฉลิมพระเกียรติฯ โดยโครงการนี้ได้กำหนดจัดพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ โดยในส่วนกลาง (กทม.) จัด ณ สนามกีฬาอินทรีจันทรสถิตย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน สำหรับในภูมิภาคจัดในพื้นที่ตามที่หน่วยงาน/สถาบันอุดมศึกษาได้กำหนด +ทั้งนี้ ในส่วนโครงการจิตอาสาทำความดี “ทุกยูนิต รวมหัวใจ ชาว อว.พร้อมใจบริจาคโลหิต” และโครงการปลูกต้นไม้ ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นชอบเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ นั้น สอดคล้องกับโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ในนามรัฐบาล ได้แก่ โครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 CC และโครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า สำหรับหน่วยงานในสังกัด มี 15 โครงการ ได้แก่ 1.เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 67 2. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 3.สัปดาห์การแพทย์แผนไทย กินอยู่อย่างไทย ห่างไกลโรค 4.โครงการวันนอนหลับโลก 2024 และ 5.เรียนรู้ประวัติศาสตร์ก้าวสู่อนาคตอย่างแข็งแรงกับคนวังหลัง โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล วิทยาลัยมหิดล 6. โครงการบ่มเพาะเพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม 7.โครงการพัฒนาระบบและมาตรฐานในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดรนแปรอักษรเพื่อสร้างอัตลักษณ์ให้กับประเทศไทย 8.โครงการวิจัยสืบสาน รักษา ต่อยอดราชประศาสนศาสตร์ 9.โครงการก้าวใหม่ด้วยวิจัยและนวัตกรรม โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) 10.โครงการดาราศาสตร์สำหรับผู้บกพร่องทางการเห็น โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(สดร.) 11.โครงการพัฒนานวัตกรรมสร้างอาชีพ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) 12.โครงการชุมชนเกษตรปลอดภัยเทิดไท้องค์ราชัน โดยสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(สทน.) 13.โครงการรวมใจภักดิ์อนุรักษ์แหล่งน้ำพื้นที่หมู่บ้านคชานุรักษ์ โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(สสน.) 14.โครงการคลังข้อมูลดิจิทัล 15.โครงการ KidBright at school ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) 16.โครงการ SLRI ปันน้ำใจบริจาคโลหิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ โดยสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (สซ.) 17. 5 กอง 5 กิจกรรมจิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจถวายเป็นพระราชกุศลฯ โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ(ปส.) 18.โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตเด็กนักเรียนตำรวจตระเวนชายแดนและโรงเรียนในพื้นที่โครงการพระราชดำริโดยกรมวิทยาศาสตร์บริการ(วศ.) 19.โครงการคาราวานวิทยาศาสตร์ อว.สืบสาน รักษา ต่อยอดสู่ความยั่งยืน โดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ(อพวช.) และ 20. โครงการนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(จิสด้า) +น.ส.ศุภมาส กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการเฉลิมพระเกียรติของกระทรวง อว.ที่เหลืออีกจำนวน 4 โครงการอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ซึ่งโครงการทั้งหมดของกระทรวงก็เป็นโครงการที่ทุกหน่วยงานในสังกัดได้รวมพลัง โดยนำศักยภาพของหน่วยงานในการจัดในแต่ละกิจกรรมและมุ่งเป้าในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 +#กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม #อว #MHESI + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86513 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_2_4dac0058-5fde-41ee-a581-03d6bcd10ed7.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_2_4dac0058-5fde-41ee-a581-03d6bcd10ed7.txt" new file mode 100644 index 000000000..104827d3a --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_2_4dac0058-5fde-41ee-a581-03d6bcd10ed7.txt" @@ -0,0 +1,20 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“ศุภมาส” เผยงาน “อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” สำเร็จเกินคาด ตลอด 7 วัน ยอดผู้เข้าร่วมกิจกรรมทะลุเป้ากว่า 660,000 คน + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +“ศุภมาส” เผยงาน “อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” สำเร็จเกินคาด ตลอด 7 วัน ยอดผู้เข้าร่วมกิจกรรมทะลุเป้ากว่า 660,000 คน +...... +“ศุภมาส” เผยงาน “อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” สำเร็จเกินคาด ตลอด 7 วัน ยอดผู้เข้าร่วมกิจกรรมทะลุเป้ากว่า 660,000 คน +​28 กรกฎาคม 2567, กรุงเทพมหานคร – ปิดฉากสุดประทับใจสำหรับมหกรรมแห่งปี อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ด้วยพลังสหวิทยาการ หรือ “อว.แฟร์” ที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรีและร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดล้ำด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม ตั้งแต่วันที่ 22 – 28 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงาน 7 วัน ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้รวมกว่า 660,218 คน สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า 500 ล้านบาท พร้อมชวนประชาชนติดตามกิจกรรมและโครงการอื่นที่น่าสนใจจาก อว. ต่อไป +นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า การจัดงาน “อว.แฟร์” ถือเป็นความท้าทายของกระทรวง อว. ในการจัดมหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์เป็นเวลายาวนานต่อเนื่องตั้งแต่ระดับภูมิภาคสู่ส่วนกลาง เพื่อมอบความรู้และประสบการณ์ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแก่ประชาชน พร้อมเปิดโอกาสและจุดประกายแนวคิดใหม่ ๆ ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรมและชุมชน ต่อยอดสู่การพัฒนากำลังคนให้มีความสามารถและพร้อมที่จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ อันนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน +​รมว.อว. กล่าวต่อว่า โดยในงาน “อว.แฟร์” ประกอบด้วยหลากหลายกิจกรรมเพื่อยกระดับทักษะด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม การศึกษาที่มีคุณภาพ ด้าน Soft Power ที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัยมากกว่า 170 หน่วยงาน ครอบคลุมทั่วประเทศ มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำจากหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและเอกชน ร่วมมอบความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์มากมาย พร้อมโชว์และการแสดงทุกวันแบบจัดเต็ม รวมถึงมีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังที่ผลัดเปลี่ยนกันมาสร้างสีสันและความสนุกตลอด 7 วัน และพิเศษสุดกับการเนรมิตนิทรรศการ 6 โซนไฮไลต์ บนพื้นที่กว่า 23,000 ตารางเมตร เพื่อมอบความบันเทิงควบคู่ไปกับการเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ มีประชาชนเข้าถึงกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์รวมกว่า 660,218 คน ถือว่ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และก่อให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่อย่างคาดไม่ถึง อีกทั้งยังสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า 500 ล้านบาท ทั้งนี้ ความสำเร็จของงาน อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคตของประเทศไทย ตลอดจนเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป +​“กระทรวง อว. ขอขอบคุณทุกความร่วมมือจากเครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนให้งาน อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ด้วยพลังสหวิทยาการ ได้อย่างสมบูรณ์และประสบความสำเร็จ ซึ่งการร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกท่านถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสามารถนำเสนอความรู้ นวัตกรรม และแนวทางใหม่ ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศของเราไปข้างหน้า โดยกระทรวง อว. จะเดินหน้าและมุ่งมั่นในการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนและเจริญรุ่งเรืองสำหรับประเทศไทย และเราหวังว่าจะได้พบกับทุกท่านในกิจกรรมและงานต่อ ๆ ไป ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของกระทรวง อว. ได้ทางเว็บไซต์ www.mhesifair.com และเฟซบุ๊ก www.facebook.com/MHESIThailand” น.ส.ศุภมาส กล่าว +​ +สำหรับการจัดงานในวันสุดท้าย ในวันที่ 28 กรกฎาคม มีหนึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจที่สุดคือส่วนของ Soft Power: Fashion ที่เน้นการแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าทอและผลิตภัณฑ์ร่วมสมัยซึ่งพัฒนาด้วยนวัตกรรมอันล้ำสมัย นำเสนอการพัฒนาผ้าไหมโดยคุณเอ็ดเวิร์ด กิตติ ผู้ก่อตั้งสมาคมส่งเสริมผ้าไหมและวัฒนธรรมไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไหมที่ได้ผสานเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ากับวัตถุดิบดั้งเดิม เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและสวยงาม +​อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญคือ Fashion Technology ซึ่งมีการประกวดการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอร่วมสมัยด้วย ววน. (วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม) ที่เปิดโอกาสให้นักออกแบบและนักวิจัยแสดงฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสิ่งทอให้ทันสมัยและมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น โดยกิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสามารถในการสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการนำ Soft Power มาใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นให้ก้าวหน้าและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งนี้ ยังมีกิจกรรมสำคัญที่จัดโดย Oracle Academy อย่าง “Unleashing Innovation with AI Powered by Oracle Cloud Infrastructure and Transforming Industries” โดย Oracle Academy ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของ Oracle Cloud Infrastructure (OCI) ในการเสริมสร้างความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และนำมาใช้ในการปฏิวัติภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ผ่านการบรรยายและสาธิตที่น่าตื่นตาตื่นใจ ผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้เกี่ยวกับการนำ AI และคลาวด์เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ ซึ่งกิจกรรมนี้ไม่เพียงแค่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ยังสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของ AI และคลาวด์เทคโนโลยีในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในอนาคตอีกด้วย +​ +อย่างไรก็ตาม ยังมีการจัดบรรยายที่น่าสนใจเกี่ยวกับปัญหาที่สำคัญและเร่งด่วนของโลกในปัจจุบัน นั่นคือ ไมโครพลาสติก โดยสองนักวิจัยชั้นนำจากศูนย์ฯ ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและพิษวิทยา (EHT) ได้แก่ รศ.ดร.พนิดา นวสัมฤทธิ์ และ ดร.เติมทิพย์ พูลภักตร์ โดยสาระสำคัญของการบรรยายครั้งนี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาของไมโครพลาสติก ตั้งแต่ที่มา ผลกระทบ จนถึงแนวทางการแก้ไข ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของการลดการใช้พลาสติกและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ปิดท้ายด้วยกิจกรรมที่ได้รับความสนใจและตื่นเต้นมากที่สุดกับ มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ตู่ ภพธร ที่มาสร้างสีสันและความสนุกให้กับผู้เข้าร่วมงาน ด้วยการขนเพลงฮิตติดหูมากมายมารร้องและโชว์อย่างจุใจ ทำให้แฟนคลับและผู้ชมสนุกสนานและประทับใจจนลืมเวลา +#กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม +#MHESI + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86514 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_3_d099249a-f14c-4e73-8c33-ce0a5229f36d.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_3_d099249a-f14c-4e73-8c33-ce0a5229f36d.txt" new file mode 100644 index 000000000..5363cbe3e --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_3_d099249a-f14c-4e73-8c33-ce0a5229f36d.txt" @@ -0,0 +1,15 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“ศุภมาส” ชง ครม. “แผนเพิ่มการผลิตบุคลากรสาขาการพยาบาล 15,985 คน ในปีการศึกษา 2566 – 2570” เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนพยาบาล ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +“ศุภมาส” ชง ครม. “แผนเพิ่มการผลิตบุคลากรสาขาการพยาบาล 15,985 คน ในปีการศึกษา 2566 – 2570” เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนพยาบาล ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี +...... +“ศุภมาส” ชง ครม. “แผนเพิ่มการผลิตบุคลากรสาขาการพยาบาล 15,985 คน ในปีการศึกษา 2566 – 2570” เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนพยาบาล ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี มีสถาบันการศึกษาพยาบาลเข้าร่วม 62 สถาบัน พร้อมทำงานคู่ขนานหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลด้านสวัสดิการและค่าตอบแทนเพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน รวมทั้งกรอบอัตราบรรจุเพื่อให้เกิดความมั่นคงในวิชาชีพด้วย +เมื่อวันที่ 30 ก.ค.น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติแผนเพิ่มการผลิตบุคลากรสาขาการพยาบาล ปีการศึกษา 2566 – 2570 ตามที่กระทรวง อว.เสนอ โดยแผนดังกล่าวนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวง อว.มีการผลิตพยาบาลเพิ่ม ตนจึงสั่งการให้สำนักงานปลัดกระทรวง อว.ร่วมกับสภาการพยาบาล จัดทำแผนเพิ่มการผลิตบุคลากรสาขาการพยาบาล เนื่องจากพยาบาลเป็นสาขาที่มีความจำเป็นและยังมีการขาดแคลนอยู่มาก และยังมีผู้ต้องการเรียนสูง ซึ่งถ้าดูจากการสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาปีการศึกษา 2567 (TCAS) มีผู้สมัครและเลือกสาขาพยาบาลมากที่สุดเป็นลำดับที่หนึ่ง จำนวนถึง 106,346 คน +รมว.กระทรวง อว.กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการเพิ่มการผลิตบุคลากรสาขาพยาบาลศาสตร์ปีการศึกษา 2566 ถึง 2570 เป็นโครงการต่อเนื่องหรือระยะที่ 2 จากโครงการเพิ่มการผลิตบุคลากรสาขาพยาบาลปีการศึกษา 2561 -2565 ซึ่งเป็นระยะที่ 1 โดยในโครงการเพิ่มการผลิตบุคลากรสาขาพยาบาลปีการศึกษา 2566 -2570 มีเป้าหมาย คือ 1.ผลิตพยาบาลวิชาชีพให้มีอัตราส่วนพยาบาลต่อประชากรในภาพรวมของประเทศ 1 ต่อ 326 เมื่อสิ้นสุดโครงการในปี 2574 (ในปี 2565 มีอัตราส่วนพยาบาลต่อประชากร 1 ต่อ 371) ปัจจุบัน องค์การอนามัยโลก กำหนดให้สัดส่วนที่เหมาะสมคือ 1:200 ซึ่งประเทศไทยยังต้องผลิตเพิ่มอีกจำนวนมาก แต่ความสามารถในการผลิตของสถาบันอุดมศึกษาไทยในปัจจุบันยังมีจำกัด เนื่องจากการผลิตพยาบาลวิชาชีพนั้น ต้องมีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เป็นไปตามมาตรฐานสภาวิชาชีพ 2.ผลิตพยาบาลวิชาชีพ โดยจะรับนักศึกษาจำนวน 5 รุ่น ในปีการศึกษา 2566 - 2570 จำนวน 43,890 คนโดยแบ่งเป็นแผนรับปกติ 27,905 คน และแผนการผลิตเพิ่มจำนวน 15,985 คน หรือเพิ่มร้อยละ 36.42 ของจำนวนรับทั้งหมด โดยมีสถาบันการศึกษาพยาบาลเข้าร่วมโครงการจำนวน 62 สถาบันประกอบด้วย สถาบันอุดมศึกษา สังกัดกระทรวง อว. 31 แห่ง สถาบันอุดมศึกษา สังกัดกระทรวงสาธารณสุข 30 แห่ง และสถาบันอุดมศึกษา สังกัด กทม. 1 แห่ง +น.ส.ศุภมาส กล่าวอีกว่า ตามแผนการผลิตบุคลากรสาขาการพยาบาลเพิ่ม จำนวน 15,985 คน งบประมาณที่ขอรับการสนับสนุน ประมาณ 7,033,400,000 บาท โดยคำนวณในอัตราค่าใช้จ่าย 440,000 บาทต่อคนต่อหลักสูตร ที่สำคัญ กระทรวง อว. จะร่วมกับ สภาการพยาบาล ในการวางแผนการผลิตอาจารย์พยาบาลเพิ่มมากขึ้น เพื่อจะได้มีการขยายการผลิตพยาบาลให้เพิ่มมากขึ้นได้อย่างเพียงพอในอนาคต +“ดิฉันในฐานะรับผิดชอบสถาบันอุดมศึกษาได้มองเห็นถึงสถานการณ์ปัญหาการขาดแคลนพยาบาลสะสมมาเป็นเวลานานและมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้นแม้จะมีการเพิ่มจำนวนการผลิตก็ตามและที่ผ่านมาได้ประชุมหารือกับสถาบันการศึกษาเพื่อหาทางแก้ปัญหามาโดยตลอด จนกระทั่งได้จัดทำแผนเพิ่มการผลิตบุคลากรสาขาการพยาบาล ปีการศึกษา 2566 – 2570 ขึ้น โดยมี 62 สถาบันร่วมกันผลิต แต่สิ่งสำคัญที่ดิฉันตั้งใจนอกจากเร่งผลิตพยาบาลแล้ว ยังจะเร่งทำงานคู่ขนานไปด้วย คือจะไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลด้านสวัสดิการและค่าตอบแทนเพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน รวมทั้งกรอบอัตราบรรจุเพื่อให้เกิดความมั่นคงในวิชาชีพด้วย” น.ส.ศุภมาสกล่าว +#MHESI +#กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86515 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_4_3a33bca8-b000-4520-b8d0-e0a362d6ab44.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_4_3a33bca8-b000-4520-b8d0-e0a362d6ab44.txt" new file mode 100644 index 000000000..1ed69d146 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\233\340\270\217\340\270\264\340\270\243\340\270\271\340\270\233\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\250\340\270\266\340\270\201\340\270\251\340\270\262\340\271\201\340\270\245\340\270\260\340\270\252\340\270\243\340\271\211\340\270\262\340\270\207\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241\340\271\201\340\270\253\340\271\210\340\270\207\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\271\200\340\270\243\340\270\265\340\270\242\340\270\231\340\270\243\340\270\271\340\271\211\340\270\225\340\270\245\340\270\255\340\270\224\340\270\212\340\270\265\340\270\247\340\270\264\340\270\225_4_3a33bca8-b000-4520-b8d0-e0a362d6ab44.txt" @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“ศุภมาส” สั่งการ สสน. เร่งรับมือน้ำท่วม จ.ตราด ทั้งจัดรถวอร์รูมเคลื่อนที่ติดตามสถานการณ์น้ำ 24 ชม. ประสานงาน สทนช.- มหาวิทยาลัย-หน่วยงานท้องถิ่นร่วมบริหารจัดการน้ำ + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +“ศุภมาส” สั่งการ สสน. เร่งรับมือน้ำท่วม จ.ตราด ทั้งจัดรถวอร์รูมเคลื่อนที่ติดตามสถานการณ์น้ำ 24 ชม. ประสานงาน สทนช.- มหาวิทยาลัย-หน่วยงานท้องถิ่นร่วมบริหารจัดการน้ำ +..... +“ศุภมาส” สั่งการ สสน. เร่งรับมือน้ำท่วม จ.ตราด ทั้งจัดรถวอร์รูมเคลื่อนที่ติดตามสถานการณ์น้ำ 24 ชม. ประสานงาน สทนช.- มหาวิทยาลัย-หน่วยงานท้องถิ่นร่วมบริหารจัดการน้ำ พร้อมระดมผู้เชี่ยวชาญ-เทคโนโลยีหนุนปฏิบัติการในพื้นที่อย่างครบวงจร +เมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกิดอุทกภัยในพื้นที่ จ.ตราด ด้วยความห่วงใยต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ตนจึงได้สั่งการให้สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ให้การสนับสนุนเร่งด่วนในการรับมืออุทกภัย จ.ตราด ใน 4 เรื่อง คือ 1. ให้จัดส่งรถ Mobile War Room พร้อมระบบติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง ไปยัง จ.ตราด โดยเร่งด่วน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในการบริหารจัดการน้ำและรับมืออุทกภัยในพื้นที่ 2. จัดส่งทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจาก สสน. เพื่อปฏิบัติงานในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและ สทนช. โดยให้นำความรู้และเทคโนโลยีด้านการจัดการน้ำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มประสิทธิภาพ +รมว.อว. กล่าวต่อว่า 3.ให้ประสานงานกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ จ.ตราด และจังหวัดใกล้เคียงในภาคตะวันออก เพื่อระดมความเชี่ยวชาญทางวิชาการในการวิเคราะห์สถานการณ์และให้คำแนะนำในการบริหารจัดการน้ำแก่หน่วยงานท้องถิ่น และ 4. ให้เตรียมพร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น สถานีโทรมาตร ระบบคาดการณ์สถานการณ์น้ำ และแอปพลิเคชัน ThaiWater เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างครบวงจร โดยให้มีการเฝ้าระวังและติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง +“ทั้งนี้ ให้ดำเนินการโดยเร่งด่วนที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและลดผลกระทบจากอุทกภัยให้ได้มากที่สุด กระทรวง อว. พร้อมสนับสนุนทรัพยากรและบุคลากรเพิ่มเติมตามความจำเป็น เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที“ น.ส.ศุภมาส กล่าว +#กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม +#MHESI + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86516 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_1_eee4f741-49d2-4112-99a9-abd6cd510b95.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_1_eee4f741-49d2-4112-99a9-abd6cd510b95.txt" new file mode 100644 index 000000000..20d97a0ab --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_1_eee4f741-49d2-4112-99a9-abd6cd510b95.txt" @@ -0,0 +1,20 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-รัฐบาลเดินหน้ายกระดับครูมวยไทยให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +รัฐบาลเดินหน้ายกระดับครูมวยไทยให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก +วันเสาร์ ที่ 27 ก.ค.67 +ต่อจากนี้ไป ขอเชิญรับฟังไทยคู่ฟ้า +รัฐบาลเดินหน้าเสริมสร้างศักยภาพ มวยไทย หนึ่งใน Soft Power สำคัญให้เข้มแข็ง +จึงขอเชิญชวนครูฝึกมวยไทยและค่ายมวยทั่วโลกเข้ารับการทดสอบเพื่อรับวุฒิบัตรรับรองมาตรฐานจาก +กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เนื่องจากปัจจุบันมีค่ายมวยไทยเปิดสอนมากกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ 4,000 +แห่งทั่วยุโรป 1,700 แห่งในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ อีก ราว 50 ประเทศ +การรับรองมาตรฐานครูมวยไทยจึงเป็นเรื่องสำคัญ +ปีนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ประกาศมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพภาคบริการ +สาขาผู้ฝึกสอนมวยไทย โดยมีศูนย์ทดสอบผู้ฝึกสอนมวยไทยได้รับอนุญาตแล้ว 18 แห่ง +มีศูนย์ทดสอบของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานอีก 77 แห่งทั่วประเทศ +“สื่อสารภารกิจรัฐบาล” กับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86508 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_2_3a93102a-b05b-4ef2-a4c7-292639b88574.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_2_3a93102a-b05b-4ef2-a4c7-292639b88574.txt" new file mode 100644 index 000000000..b04a00312 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_2_3a93102a-b05b-4ef2-a4c7-292639b88574.txt" @@ -0,0 +1,20 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-รัฐบาลจัดโครงการวิปัสสนาเพื่อคนทั้งมวล เฉลิมพระเกียรติฯ + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +รัฐบาลจัดโครงการวิปัสสนาเพื่อคนทั้งมวล เฉลิมพระเกียรติฯ +วันอาทิตย์ ที่ 28 ก.ค.67 +ต่อจากนี้ไป ขอเชิญรับฟังไทยคู่ฟ้า +รัฐบาลจัดโครงการวิปัสสนาเพื่อคนทั้งมวลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระรา +ชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 +พร้อมส่งเสริมให้เครือข่ายองค์กรทางศาสนาคริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ ร่วมทำสมาธิฝึกจิตใจ +ประชาชนที่สนใจร่วมกิจกรรมได้ที่ วัดวชิราลงกรวราราม จ.นครราชสีมา สำนักปฏิบัติธรรม “ธรรมปทีป” +จ.ชลบุรี วัดถ้ำสุมะโน จ.พัทลุง และวัด ศาสนสถาน สถานปฏิบัติธรรมที่มีความพร้อมทั่วประเทศ ตลอดเดือน +กรกฎาคม – สิงหาคม 2567 รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคีเครือข่าย เช่น สถาบันการศึกษา ศาสนสถานทุกศาสนา +จัดกิจกรรมรูปแบบออนไลน์บ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมของแต่ละศาสนาแก่เด็ก เยาวชน +และประชาชนทุกกลุ่ม เสริมสร้างคนดี สังคมดี +“สื่อสารภารกิจรัฐบาล” กับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86509 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_3_b7e02f56-bb88-4e43-8320-4e91df3b2ef3.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_3_b7e02f56-bb88-4e43-8320-4e91df3b2ef3.txt" new file mode 100644 index 000000000..a752b51c8 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_3_b7e02f56-bb88-4e43-8320-4e91df3b2ef3.txt" @@ -0,0 +1,21 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ไทยเจาะตลาดใหม่ Pet Parent คาดสร้างรายได้ 2.5 ล้านเหรียญต่อปี + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +ไทยเจาะตลาดใหม่ Pet Parent คาดสร้างรายได้ 2.5 ล้านเหรียญต่อปี +วันจันทร์ ที่ 29 ก.ค.67 +ต่อจากนี้ไป ขอเชิญรับฟังไทยคู่ฟ้า +รัฐบาลเดินหน้าผลักดันการส่งออกสินค้าไทย +ล่าสุดเปิดตลาดสินค้าชนิดใหม่โดยนำทัพผู้ประกอบการสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงจากไทยไปร่วมจัดแสดงภ +ายในงาน Taipei Pets Show 2024 เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมงานกว่า 160,000 ราย +เป็นโอกาสให้ผู้ส่งออกไทยได้เจรจากับผู้นำเข้าราว 200 รายทั้งจากไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น +ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ตะวันออกกลาง และฝรั่งเศส คาดว่ามีมูลค่าการสั่งซื้อมากกว่า 2.5 +ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี ทั้งนี้ +ไต้หวันนำเข้าสินค้าสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะอาหารสุนัขและแมวจากไทยมากเป็นอันดับ 1 โดยข้อมูลปี 2566 +พบว่า ไต้หวันนำเข้าสินค้าอาหารสุนัขและแมวทั้งหมด 263 ล้านเหรียญสหรัฐฯ +ในส่วนนี้เป็นการนำเข้าจากไทยถึง 87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 33 ของทั้งหมด +“สื่อสารภารกิจรัฐบาล” กับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86510 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_4_0b64ed62-2360-4aab-afe7-465ff2b9d481.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_4_0b64ed62-2360-4aab-afe7-465ff2b9d481.txt" new file mode 100644 index 000000000..bf11c2ccf --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_4_0b64ed62-2360-4aab-afe7-465ff2b9d481.txt" @@ -0,0 +1,19 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-รัฐบาลจัดกิจกรรม Amazing Muay Thai Experience กระตุ้นท่องเที่ยวนอกฤดู + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +รัฐบาลจัดกิจกรรม Amazing Muay Thai Experience กระตุ้นท่องเที่ยวนอกฤดู +วันอังคาร ที่ 30 ก.ค.67 +ต่อจากนี้ไป ขอเชิญรับฟังไทยคู่ฟ้า +รัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงนอกฤดูกาล หรือ Green Season ผ่านกิจกรรม "Amazing Muay +Thai Experience 2024" ปลุกกระแสเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเจาะลึกถึงถิ่นกำเนิดมวยไทยโบราณ 4 สาย ใน 4 +จังหวัด ได้แก่ วันที่ 2 – 4 สิงหาคม มวยไชยา ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา อ.ไชยา +จ.สุราษฎร์ธานี วันที่ 16 – 18 สิงหาคม มวยท่าเสา ณ วัดใหญ่ท่าเสา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ วันที่ 6 – 8 +กันยายน มวยโคราช ณ ลานเมรุพรหมทัต อ.พิมาย จ.นครราชสีมา และวันที่ 13 – 15 กันยายน มวยลพบุรี ณ +พระนารายณ์ราชนิเวศน์ อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี ผู้สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ +amazingmuaythaiexperience หรือ โทร.Travel buddy 1672 +“สื่อสารภารกิจรัฐบาล” กับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86511 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_5_b3694d9b-966b-4649-9561-de3ff25c7979.txt" "b/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_5_b3694d9b-966b-4649-9561-de3ff25c7979.txt" new file mode 100644 index 000000000..2c6ac5275 --- /dev/null +++ "b/data/2024/07/31/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262_5_b3694d9b-966b-4649-9561-de3ff25c7979.txt" @@ -0,0 +1,20 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-เชิญชวนประชาชนร่วมโครงการ บริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี เฉลิมพระเกียรติฯ + + +วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 +31/07/2567 +พิมพ์ +เชิญชวนประชาชนร่วมโครงการ บริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี เฉลิมพระเกียรติฯ +วันพุธ ที่ 31 ก.ค.67 +ต่อจากนี้ไป ขอเชิญรับฟังไทยคู่ฟ้า +รัฐบาลเชิญชวนประชาชนร่วมสร้างกุศลในโครงการบริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี +เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 +รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อสนับสนุนปัญหาการขาดแคลนโลหิตสำรองของสภากาชาดไทย +ช่วยต่อชีวิตผู้อื่นถวายเป็นพระราชกุศล โดยตลอดเดือน สิงหาคม 2567 นี้ +ประชาชนที่สนใจสามารถร่วมบริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น +โรงพยาบาลกองทัพบกทั้ง 37 แห่ง และโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วประเทศ ดูรายละเอียดการรับบริจาคโลหิต +คุณสมบัติของผู้บริจาค และการเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังการบริจาคโลหิตได้ที่ +www.blooddonationthai.com +“สื่อสารภารกิจรัฐบาล” กับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86512 \ No newline at end of file diff --git a/last_num.txt b/last_num.txt index c29694c4e..2f0a213d9 100644 --- a/last_num.txt +++ b/last_num.txt @@ -1 +1 @@ -86492 \ No newline at end of file +86549 \ No newline at end of file